น้ำในเขื่อนโคราชแห้งเหือด ภัยแล้งปีนี้หนักกว่าทุกปี

04 พฤศจิกายน 2567

น้ำในเขื่อนโคราช สถานการณ์น้ำในเขื่อนโคราชวิกฤตหนักที่สุดในรอบหลายปี! ปริมาณน้ำลดลงอย่างน่าตกใจ ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างรุนแรง ภัยแล้งครั้งนี้ทวีความรุนแรงขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา

น้ำในเขื่อนโคราช 4 พ.ย. 67 – นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้นำคณะตรวจติดตามสถานการณ์น้ำที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำแชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่ง อ่างเก็บน้ำลำแชะ เป็น 1 ใน 4 อ่างเก็บน้ำหลักของ จังหวัดนครราชสีมา และเป็นหนึ่งในอ่างเก็บน้ำที่มีศักยภาพในการสำรองน้ำเพื่อสนับสนุนระบบประปาของการประปาส่วนภูมิภาคนครราชสีมา และการประปาภายในเขตเทศบาลนครราชสีมา ซึ่งการตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในครั้งนี้ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังจะมาถึง

 

น้ำในเขื่อนโคราชแห้งเหือด ภัยแล้งปีนี้หนักกว่าทุกปี

งดทำนาปรังทั้งจังหวัด หลังจากพบว่า ปีนี้ปริมาณน้ำภายในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำสำคัญของจังหวัดนครราชสีมา มีน้ำต้นทุนเก็บกักน้อยกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา จึงต้องวางแผนการจัดการน้ำล่วงหน้าอย่างรอบคอบมากขึ้น โดยล่าสุด ปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำลำแชะ อยู่ที่ 153.6 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น จากความจุทั้งหมดที่ 275 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 56 ของความจุ

 

นายสุรสีห์ ระบุว่า พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เป็น 1 ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงประสบกับปัญหาภัยแล้ง โดยมีประมาณ 10 อำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นชุมชนหนาแน่น อย่างเช่น เขตเทศบาลนครนครราชสีมาและพื้นที่รอบนอก ขณะที่ปริมาณน้ำภายในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำสำคัญอยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีการวางแผนการใช้น้ำอย่างรอบคอบและรัดกุมที่สุด


ด้านนายสุคนธ์ เต็มยศยิ่ง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง ในฐานะรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สถานการณ์น้ำภายแหล่งน้ำดิบทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำที่ต้องเฝ้าระวัง และวางแผนการจัดการน้ำอย่างเข้มข้น

 

น้ำในเขื่อนโคราชแห้งเหือด ภัยแล้งปีนี้หนักกว่าทุกปี

โดยภาพรวมมีปริมาณน้ำอยู่ประมาณร้อยละ 55 อย่างเช่น อ่างเก็บน้ำลำตะคอง ตอนนี้มีปริมาณน้ำภายในอ่างเพียงร้อยละ 33 แต่เป็นน้ำใช้การได้เพียงร้อยละ 28 เท่านั้น จึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือให้เกษตรกรทั่วทั้งจังหวัด งดการปลูกข้าวนาปรังทั้งหมด เพื่อสงวนน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคและบริโภคเป็นหลัก และให้หันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทน เพราะมีความเสี่ยงสูงที่ผลผลิตจะขาดน้ำ และได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง