จากข่าวที่สร้างความฮืฮา กรณีตำรวจกองปราบนำกำลังเข้าจับกุม ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด และ นางปทิตตา ผู้เป็นภรรยา ในคดีหลอกลวงเงิน เจ๊อ้อย จตุพร อุบลเลิศ ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน ก่อนจะนำตัวทั้งสองมายังกองบังคับการตำรวจปราบปราม เบื้องต้นทั้งสองให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา ตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว ล่าสุด เบนซ์ เรซซิ่ง อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ได้ออกมาให้ความเห็นในแง่ของคดีทนายตั้มไว้อย่างน่าสนใจว่า
กรณีที่พนักงานสอบสวนขอศาลอนุมัติหมายจับทนายชื่อดังและภรรยา แทนการออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหานั้น แสดงให้เห็นได้ว่า ตร. จะไม่อนุญาตให้ประกันตัว ในชั้นสอบสวน พร้อมทั้งยังจะคัดค้านการประกันตัวในคำร้องขออำนาจศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้อีกด้วย
หากสังเกตจากหมายจับของทนายชื่อดังและภรรยา จะเห็นได้ว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 มีฐานความผิดที่ต่างกันเล็กน้อย โดยฝ่ายทนายชื่อดังถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง, ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน” ส่วนภรรยามีเพียงข้อหาเดียวคือ “ร่วมกันฟอกเงิน” เท่านั้น
การที่ทนายชื่อดังได้เข้าไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมานั้น อาจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมจะให้ความร่วมมือและไม่หลบหนี หวังว่าจะไม่ถูกออกหมายจับ แต่ก็มิได้เป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงดุลพินิจของพนักงานสอบสวนและคณะทำงานได้ และยังอาจถูกมองได้ว่าการมาปรากฏตัวดังกล่าวนั้นอาจเป็นการมายุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐาน หรือแทรกแซงการทำงานของพนักงานสอบสวนหรือไม่ ?
สังเกตได้จากรายละเอียดในหมายจับของทนายชื่อดัง นอกจากจะระบุเอาไว้ว่ามีอัตราโทษจำคุกสูงกว่า 3 ปีนั้น ยังได้มีการระบุเอาไว้ว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่า..
คืนนี้ทนายชื่อดังและภรรยาคงจะต้องนอนค้างคืนอยู่ที่กองปราบปราม ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะนำตัวทั้งคู่ไปขออำนาจศาลฝากขังในวันรุ่งขึ้น โดยทั้งคู่สามารถใช้สิทธิในการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาลได้ แต่ก็มิอาจก้าวล่วงได้ว่า กรณีที่ผู้ต้องหาเป็นนักกฎหมาย สอบผ่านเนติบัณฑิตฯ มีอาชีพเป็นถึงทนายความ ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายต้องสูญเงินไปเป็นจำนวนมากนั้น จะได้รับการพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่
คืบหน้าล่าสุดมีรายงานว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสอบปากคำต่อ ก่อนจะนำตัวทั้งสองคนไปขออำนาจศาลอาญา เพื่อฝากขังตามขั้นตอนต่อไป