จากกรณีเมื่อ 8พ.ย.67 ศาลไม่ให้ประกันตัว นางปทิตตา เมียทนายตั้ม หลังยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพร้อมเงินสด 500,000 บาท ขณะ ทนายตั้ม ษิทรา ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เตรียมคุมฝากขังเรือนจําทั้งคู่ โดยศาลอาญาพิจารณาคำร้อง และสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 คือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด และผู้ต้องหา 2 คือ นางปทิตตา จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหา 2 ได้ ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขัง ผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในวงเงิน 500,000 บาท และขอติดอุปกรณ์กำไล EM
โดยศาลอาญาพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีพนักงานสอบสวนคัดค้านเกรงจะหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และผู้เสียหายคัดค้านเกรงจะหลบหนีไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหายคืน ประกอบกับต้องทำการสอบสวนพยานอีก 10 ปาก กรณีอาจเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนได้ และเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องปกป้องกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงเข้าสู่สำนวนคดี ในชั้นสอบสวนนี้จึงมีเหตุอันสมควรที่จะรอฟังผลให้เสร็จสิ้นก่อน จึงให้ยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว
ทั้งนี้ทนายตั้ม ถูกคุมตัวไปยังเรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนภรรยาจะถูกคุมตัวเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง
ด้าน นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ขั้นตอนหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว ทนายตั้ม และ นางปทิตตา ภรรยาทนายตั้ม มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง
ทั้งคู่ต้องทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการอยู่แดนกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด และจะมีการปฐมนิเทศอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในแดนกักโรคตามเดิม แต่มีการแบ่งโซนออกจากกัน ก่อนจะพิจารณาส่งผู้ต้องหาไปควบคุมต่อยังแดนปกติในเรือนจำ
ส่วนเรื่องความกังวล ทนายตั้ม ที่จะต้องย้ายส่งต่อแดนใดนั้น เพราะอาจเจอคู่กรณีเป็นกลุ่ม 18 บอสดิไอคอน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พิจารณาตามความเหมาะสม และขณะนี้กลุ่มบอสชาย 11 คน ได้แยกแดนเป็นที่เรียบร้อย อยู่แดนละ 2-3 คนกระจายกันไป แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบคู่กรณีของ ทนายตั้ม ในคดีอื่นๆ ด้วยเพื่อความปลอดภัย