ทนายรณณรงค์ เปิดใจทั้งน้ำตา เผยยอดที่ถูกหลอกไป เยอะมากจนทำใจไม่ได้

11 พฤศจิกายน 2567

ทนายรณณรงค์ เปิดใจทั้งน้ำตา เผยยอดที่ถูกหลอกไป เยอะมากจนทำใจไม่ได้ต้องหันหน้าเข้าทางธรรม เพราะเป็นเงินเก็บทั้งชีวิต

นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์​ อายุ 39 ปี ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ตั้งแต่วันที่ “ทนายตั้ม” พูดที่กองปราบถึง ทนายรณณรงค์ เรื่องถูกสวมเขา เพราะเมียมีชู้หรือเปล่า ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งวันนี้ ตนก็แทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ มีอาการซึมเศร้า น้ำหนักลดลงจาก 95 กิโลกรัม เหลือแค่ 70 กิโลกรัม โดยตนต้องยอมรับว่ากรณีที่ “ทนายตั้ม” พูดนั้นแทงใจดำตน​มาก​ แต่ไม่ใช่เพราะภรรยามีชู้​ ภรรยายังอยู่กับตนดี

ทนายรณณรงค์ เปิดใจทั้งน้ำตา เผยยอดที่ถูกหลอกไป เยอะมากจนทำใจไม่ได้

แต่เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2566 จู่ๆ ภรรยาของตนก็ได้มากราบเท้าขอโทษและบอกว่าสูญเงินไปจำนวน 2 ล้าน 6 แสนบาท ให้กับมิจฉาชีพ โดยถูกมิจฉาชีพหลอกเอาเงินไปลงทุน ซึ่งเป็นเงินเก็บทั้งหมดที่ตนมีแล้วฝากไว้กับภรรยา วินาทีนั้นตนก็เสียใจมาก สิ้นหวังหมดกำลังใจ เพราะทำงานอย่างหนักตั้งแต่เป็นทนายความ มาเกือบ 20 ปี และพยายามสร้างเนื้อสร้างตัว ซื้อบ้าน ซื้อรถ จนเหลือเงินเก็บ แต่กลับถูกภรรยา ซึ่งเป็นคนในบ้านแอบนำเงินไป

 

ทนายรณณรงค์ เปิดใจทั้งน้ำตา เผยยอดที่ถูกหลอกไป เยอะมากจนทำใจไม่ได้

 

นายรณณรงค์ กล่าวต่อทั้งน้ำตาอาบแก้มว่า สาเหตุนี้ทำให้ตนไม่กล้าไว้เนื้อเชื่อใจใครอีกเลยแม้แต่ ภรรยา ตนเป็นทนายความทำคดีมิจฉาชีพต่าง ๆ มากมายแต่กลับมาโดนเสียเอง จนทำให้ตนป่วยเป็น “โรคซึมเศร้า” เคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ไม่อยากหายใจ ทุกครั้งที่นอนหลับไป ก็มองเห็นแต่ตัวเองเขียนชื่ออยู่หน้าหลุมฝังศพ เห็นคนผูกคอตาย ติด ๆ กันถึง 6 วัน จนตนต้องพึ่งธรรมะ เดินทางไปบวชที่ วัดป่าภูทับเบิก​ จ.เพชรบูรณ์ จึงช่วยบรรเทาจิตใจขึ้นมาได้ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อหวนนึกถึงก็ไม่เคยทำใจได้เลย​ และเรื่องนี้ตนไม่เคยบอกใครมาก่อน จะขอพูดเพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวไม่มีครั้งที่ 2

 

ทนายรณณรงค์ เปิดใจทั้งน้ำตา เผยยอดที่ถูกหลอกไป เยอะมากจนทำใจไม่ได้

เรื่องที่เกิดขึ้น ภรรยาแจ้งความที่ตำรวจตำรวจไซเบอร์ มันเป็นคดีความ แน่นอนว่าทนายบางคนก็อาจจะทราบเรื่อง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนำไปพูดหรือไม่พูด พอทนายตั้มพูดเรื่องนี้ ยอมรับว่าเสียใจมากและทำให้ตัวเองนึกถึงอดีตที่เลวร้าย แต่ยืนยันว่าไม่โกรธ และยังมองว่าทนายตั้มเป็นเพื่อนเสมอ ตอนนี้ขอดูแลสภาพจิตใจตัวเองให้ดีที่สุด และจะไปเยี่ยมทนายตั้มอย่างแน่นอน และจะไม่ถามถึงเรื่องที่ทนายตั้มพูดถึงตน ส่วนคดีความของทนายตั้ม ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าน่าจะสู้คดียาก​เพราะมีพฤติการณ์ทำลายหลักฐาน​ ทั้งเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือและถ่ายเทยักย้ายทรัพย์สินภายในบ้าน​ และยังมีอีกหลายคดีที่จะตามมา