นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ อายุ 39 ปี ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ตั้งแต่วันที่ “ทนายตั้ม” พูดที่กองปราบถึง ทนายรณณรงค์ เรื่องถูกสวมเขา เพราะเมียมีชู้หรือเปล่า ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งวันนี้ ตนก็แทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ มีอาการซึมเศร้า น้ำหนักลดลงจาก 95 กิโลกรัม เหลือแค่ 70 กิโลกรัม โดยตนต้องยอมรับว่ากรณีที่ “ทนายตั้ม” พูดนั้นแทงใจดำตนมาก แต่ไม่ใช่เพราะภรรยามีชู้ ภรรยายังอยู่กับตนดี
แต่เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2566 จู่ๆ ภรรยาของตนก็ได้มากราบเท้าขอโทษและบอกว่าสูญเงินไปจำนวน 2 ล้าน 6 แสนบาท ให้กับมิจฉาชีพ โดยถูกมิจฉาชีพหลอกเอาเงินไปลงทุน ซึ่งเป็นเงินเก็บทั้งหมดที่ตนมีแล้วฝากไว้กับภรรยา วินาทีนั้นตนก็เสียใจมาก สิ้นหวังหมดกำลังใจ เพราะทำงานอย่างหนักตั้งแต่เป็นทนายความ มาเกือบ 20 ปี และพยายามสร้างเนื้อสร้างตัว ซื้อบ้าน ซื้อรถ จนเหลือเงินเก็บ แต่กลับถูกภรรยา ซึ่งเป็นคนในบ้านแอบนำเงินไป
นายรณณรงค์ กล่าวต่อทั้งน้ำตาอาบแก้มว่า สาเหตุนี้ทำให้ตนไม่กล้าไว้เนื้อเชื่อใจใครอีกเลยแม้แต่ ภรรยา ตนเป็นทนายความทำคดีมิจฉาชีพต่าง ๆ มากมายแต่กลับมาโดนเสียเอง จนทำให้ตนป่วยเป็น “โรคซึมเศร้า” เคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ไม่อยากหายใจ ทุกครั้งที่นอนหลับไป ก็มองเห็นแต่ตัวเองเขียนชื่ออยู่หน้าหลุมฝังศพ เห็นคนผูกคอตาย ติด ๆ กันถึง 6 วัน จนตนต้องพึ่งธรรมะ เดินทางไปบวชที่ วัดป่าภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ จึงช่วยบรรเทาจิตใจขึ้นมาได้ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อหวนนึกถึงก็ไม่เคยทำใจได้เลย และเรื่องนี้ตนไม่เคยบอกใครมาก่อน จะขอพูดเพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวไม่มีครั้งที่ 2
เรื่องที่เกิดขึ้น ภรรยาแจ้งความที่ตำรวจตำรวจไซเบอร์ มันเป็นคดีความ แน่นอนว่าทนายบางคนก็อาจจะทราบเรื่อง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนำไปพูดหรือไม่พูด พอทนายตั้มพูดเรื่องนี้ ยอมรับว่าเสียใจมากและทำให้ตัวเองนึกถึงอดีตที่เลวร้าย แต่ยืนยันว่าไม่โกรธ และยังมองว่าทนายตั้มเป็นเพื่อนเสมอ ตอนนี้ขอดูแลสภาพจิตใจตัวเองให้ดีที่สุด และจะไปเยี่ยมทนายตั้มอย่างแน่นอน และจะไม่ถามถึงเรื่องที่ทนายตั้มพูดถึงตน ส่วนคดีความของทนายตั้ม ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าน่าจะสู้คดียากเพราะมีพฤติการณ์ทำลายหลักฐาน ทั้งเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือและถ่ายเทยักย้ายทรัพย์สินภายในบ้าน และยังมีอีกหลายคดีที่จะตามมา