ทางด้าน บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ขอเรียนให้ทราบว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ได้มีมติอนุมัติให้เลิกกิจการ บริษัท อิชิตัน เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทางตรงในสัดส่วนร้อยละ 100 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
และจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนเลิกกิจการและชำระบัญชีให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป โดยการเลิกกิจการของบริษัทย่อยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันบริษัทย่อยดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว
ทั้งนี้ รายการดังกล่าวไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกันและขนาดของรายการไม่เข้าข่ายที่จะต้องรายงานสารสนเทศตามหลักเกณฑ์การได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน
สำหรับผลประกอบการของบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พบว่า 9 เดือนที่ผ่านมามีรายได้จากการขาย 6,586.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 5,938.9 ล้านบาท โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 14.2% จากกลุ่มตลาดชาพร้อมดื่ม ชาสมุนไพรและน้ำด่าง
ส่วนยอดขายต่างประเทศลดลง 23.3% จากการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตสินค้า OEM เพื่อส่งออกในไตรมาส 2, การแข็งค่าของเงินบาทในไตรมาส 3 และปัญหากำลังซื้อภายในประเทศคู่ค้า โดยในรอบ 9 เดือนบริษัทมีกำไรสุทธิ 1,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.6%
ทั้งนี้บริษัท อิชิตัน เพาเวอร์ จำกัด ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2560 มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจประเภทการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องอุปโภค บริโภค ได้แก่ เครื่องสำอาง ยกเว้นธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ยารักษาโรค และอาหารเสริม
ต่อมาในวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงประเภทธุรกิจและวัตถุประสงค์ เป็น การขายส่งเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ต่อมาในวันที่ 30 พ.ย. 2566 ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 76 ล้านบาท
รายชื่อผู้ถือหุ้น
ผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี
ปี 2566 มีรายได้รวม 4,415 บาท กำไร (ขาดทุน) สุทธิ -102,326 บาท
ปี 2565 มีรายได้รวม 2,114 บาท กำไร (ขาดทุน) สุทธิ -100,836 บาท
ปี 2564 มีรายได้รวม -316,286 บาท กำไร (ขาดทุน) สุทธิ -217,550 บาท
ปี 2563 มีรายได้รวม 192 ล้านบาท กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 6,825,638 บาท
ปี 2562 มีรายได้รวม 358 ล้านบาท กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 2,697,201 บาท