จากกรณีก่อนหน้านี้ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร หรือ ทนายรณณรงค์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในกรณีของ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกง หลังเข้าไปเกี่ยวพันกับเงิน 39 ล้านบาท ของ เจ๊อ้อย นางจตุพร อุบลเลิศ
ทนายรณรงค์ เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกตนให้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ในคดีของทนายตั้มทุกประเด็นและไทม์ไลน์ในฐานะเพื่อนสนิท ซึ่งตรงนี้ตนสามารถตอบได้ในบางเรื่อง ที่ทนายตั้มได้อยู่ร่วมกันทำกิจกรรม อย่างเช่น ถือศีล เที่ยวต่างจังหวัด หรือ กินข้าวนอกบ้าน
ถ้าถามว่าแปลกใจไหม สำหรับการเติบโตทางด้านการเงินของทนายตั้ม ตนก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงรวยผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้จะเอ่ยปากถามถึงที่ไปที่มาของเงิน ตนรู้จักกันมาหลายปีก็เริ่มมาเอะใจตั้งแต่มีเงินมาเปิดสำนักงาน และทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็ว จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นจนถูกจับในข้อหาฉ้อโกงเจ๊อ้อย
ในฐานะเพื่อนที่รู้จักทนายตั้มมา จะมีการเล่าเรื่องของเจ๊อ้อยให้ตนฟังหรือไม่นั้น ตนจำไม่ได้ว่าเคยเล่าหรือเปล่า เพราะก็ไม่ได้สนใจในเรื่องของบุคคลคนนี้ เพิ่งมารู้จักพร้อมกับนักข่าวหลังจากที่เป็นกระแสข่าวขึ้นมา
แต่ที่น่าแปลกใจ คือ ทำไมตำรวจต้องเรียกตนเข้าให้ปากคำอยู่คนเดียว ไม่คิดว่าเพื่อนคนอื่นจะโดนเรียกเข้าสอบปากคำด้วย จากที่ทราบตอนนี้เพื่อนของทนายตั้มทุกคนยังไม่มีถูกตำรวจเรียกเข้ามาสอบปากคำ
ส่วนในวงการทนายตั้มก็โดยเพื่อนร่วมอาชีพต่อว่า ที่มีพฤติกรรมแบบนี้จนถูกจับ มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะโดนนินทาและด่าทอทั้งนี้ ทีมข่าวได้สอบถามทนายรณรงค์ว่า หลังจากเข้าให้ปากคำเสร็จในวันจันทร์นี้หรือโอกาสหน้าจะเดินทางไปเยี่ยมทนายตั้มในเรือนจำหรือไม่ ทนายรณรงค์ เผยว่า ตนจะเข้าไปเยี่ยมทนายตั้มในเรือนจำหรือไม่นั้น อันนั้นเป็นเรื่องของอนาคต เดี๋ยวค่อยตัดสินใจในภายหลัง.