23 ธ.ค.67 พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงข่าว ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับสำนวนการสอบสวน กรณีกล่าวหา บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) มาดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษ ที่119/2567 ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2567 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทุ่มเทสรรพกำลังในการสืบสวนสอบสวน
โดยได้บูรณาการการทำงานร่วมกับ 7 หน่วยงาน ซึ่งในคดีนี้มีพยานเอกสารถึง 348,209 แผ่น พยานบุคคล 8,071 ปาก มีผู้เสียหายจำนวน 7,875 ราย มูลค่าความเสียหาย จำนวน 1,644 ล้านบาท ปรากฏตัวผู้ต้องหา จำนวน 19 ราย ซึ่งเป็นนิติบุคคลจำนวน 1 ราย คือ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด และผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา จำนวน 18 ราย ได้แก่ นายนายวรัตน์พล หรือบอสพอล กับพวก ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินในคดีฟอกเงิน จำนวน 747,640,000 ล้านบาท อาทิเช่น อาคารและที่ดิน
หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีดังกล่าวได้มีการประชุมมีมติเห็นควรเสนอให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 19 ราย ในความผิดฐาน (1) “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (แชร์ลูกโซ่)” อันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (2) “ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่าย
ที่เพิ่มขึ้น”
และ (3) “ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต” อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 (4) "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”และ (5) “ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
โดยในวันนี้อธิบดีกรมสอบสวนคีดพิเศษได้ลงนามในหนังสือส่งสำนวนการสอบสวนคดีดิไอคอนพร้อมพยานหลักฐานทั้งหมด โดยมอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวน คดีพิเศษ และพันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยารกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และคณะพนักงานสอบสวน เป็นผู้นำสำนวนการสอบสวนฯ จำนวน 161 ลัง รวม จำนวน 348,209 แผ่นไปส่งมอบที่สำนักงานคดีพิเศษเพื่อให้พนักงานอัยการมีความเห็นทางคดีต่อไปรวมระยะเวลาในการสอบสวนคดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการแล้วเสร็จในระยะเวลา เพียง 54 วัน
พันตำรวจตรี ยุทธนาฯ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษยังได้กล่าว “ขอขอบคุณ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่ได้มอบหมายให้พนักงานอัยการมาเป็นที่ปรึกษาในคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานแรกที่รับเรื่องและประสานความร่วมมือด้วยดีตลอดมา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งสนับสนุนในการเก็บและตรวจพิสูจน์พยานหลักฐาน และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์เพื่อนำไปเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย ตลอดถึงขอขอบคุณ คณะที่ปรึกษาคดีพิเศษทุกท่าน
และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษทุกท่านที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ ในการทำงานจนสามารถทำให้คดีนี้ส่งพนักงานอัยการเพื่อให้มีความเห็นทางคดีตามกรอบระยะเวลาของกฎหมายซึ่งเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้เกิดแก่ผู้เสียหายอย่างมีประสิทธิภาพ และในส่วนของ การดำเนินการในคดีฟอกเงินของกรณีบริษัท ดิไอคอนฯ ยังคงมีการดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ การบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน (Strong Collaboration) เป็นนโยบายหลักประการสำคัญของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการป้องกันปราบปรามสืบสวนสอบสวนคดีในความรับผิดชอบเพื่อให้การบริหารองค์การมีความยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลต่อไป