ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ข่าวดีส่งท้ายปีสำหรับผู้ใช้แรงงาน รัฐบาลประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 แต่ข่าวนี้ยังมาพร้อมข้อกำหนดสำคัญ เพราะการปรับขึ้นครั้งนี้จะเริ่มต้นในบางพื้นที่เท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ใครบ้างที่จะได้สิทธิ์ค่าแรง 400 บาทก่อน? จังหวัดไหนจะได้เริ่มก่อนเพื่อน? และผู้ใช้แรงงานควรเตรียมตัวอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้? มาหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้ เพื่อไม่พลาดโอกาสและสิทธิประโยชน์ที่คุณควรได้รับ
กระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ชุดที่ 22 เป็นประธานการประชุมบอร์ดค่าจ้าง ครั้งที่ 11/2567 เพื่อพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามนโยบายรัฐบาล ที่ตั้งเป้าประกาศในอัตรา 400 บาททั่วประเทศ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ใช้แรงงาน ปรากฏว่าการประชุมในครั้งนี้ กรรมการไตรภาคี ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐ จำนวน 5 คน, ฝ่ายนายจ้าง จำนวน 5 คน และฝ่ายลูกจ้าง จำนวน 5 คน รวม 15 คน เข้าร่วมครบองค์ประชุม ใช้เวลาหารือนานกว่า 5 ชั่วโมง
นายบุญสงค์แถลงผลการประชุมว่า บอร์ดค่าจ้าง คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 11/2567 ในวันที่ 23 ธันวาคม 2567 เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2568 โดยให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มในอัตราวันละ 7-55 บาท (เฉลี่ยร้อยละ 2.9) แบ่งเป็น 17 อัตรา ซึ่งพิจารณาจากค่าครองชีพและโครงสร้างทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยมีอัตราสูงสุด คือ วันละ 400 บาท และอัตราต่ำสุด คือ วันละ 337 บาท โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ดังนี้
1.กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ใน 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ได้แก่ ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
2.กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 380 บาท ใน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
3.กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นอัตราวันละ 372 บาท ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 6 จังหวัด (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5)
4.กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 67 จังหวัด ที่เหลือให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0
“การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ เป็นการปรับเพื่อให้แรงงานทั่วไป แรกเข้าทำงาน สามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามสมควรแก่มาตรฐานการครองชีพ สภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งเหมาะสมตามความสามารถของธุรกิจในท้องถิ่นนั้น ซึ่งการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้จะทำให้ลูกจ้างได้รับประโยชน์ จำนวน 3,760,697 คน” นายบุญสงค์กล่าว