เคราะห์ซ้ำกรรมซัด "ไฟป่าฮิวจ์" โหมลุกลาม บังคับกว่า 31,000 คน ต้องอพยพทันที
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไฟป่าฮิวจ์ โหมลุกไหม้ใกล้ลอสแอนเจลิส เสียหายรุนแรงในเขตทะเลสาบคาสตาอิก บังคับกว่า 31,000 คน ต้องอพยพทันที
จะเรียกว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดก็ได้ เพราะหลังจากที่เกิดเหตุไฟป่า LA โหมลุกไหม้เขตลอสแอนเจลิสกระจายเป็นวงกว้างแล้ว ล่าสุดมีรายงานว่า เกิดไฟป่าครั้งใหม่ในพื้นที่ใกล้ลอสแอนเจลิสเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 ม.ค. 2568) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ โดยไฟดังกล่าวลุกลามอย่างรวดเร็วจนกินพื้นที่กว่า 9,400 เอเคอร์ หรือประมาณ 38 ตารางกิโลเมตร ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง สร้างความเสียหายรุนแรงในเขตทะเลสาบคาสตาอิก (Castaic Lake) และบีบบังคับให้ประชาชนกว่า 31,000 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่ทันที
ตามรายงานระบุว่า ไฟป่าฮิวจ์ (Hughes Fire) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองลอสแอนเจลิสไปทางเหนือประมาณ 80 กิโลเมตร ยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับนักผจญเพลิงที่เพิ่งควบคุมไฟป่าสองแห่งใหญ่ในพื้นที่ได้บางส่วน โดยในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ไฟฮิวจ์ได้ลุกลามจนมีขนาดถึงสองในสามของไฟอีตัน (Eaton Fire) ซึ่งเป็นหนึ่งในไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่
ด้าน เจ้าหน้าที่ออกคำเตือนถึงประชาชนในพื้นที่ทะเลสาบคาสตาอิกว่า "สถานการณ์เป็นภัยต่อชีวิตอย่างเฉียบพลัน" ในขณะที่พื้นที่ตอนใต้ของแคลิฟอร์เนียยังคงอยู่ภายใต้ประกาศธงแดงสำหรับความเสี่ยงไฟป่าสูง เนื่องจากลมแรงและอากาศแห้ง ประชาชนกว่า 31,000 คน ได้รับคำสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่ทันที ขณะที่อีก 23,000 คน อยู่ภายใต้คำเตือนเตรียมพร้อมอพยพ โรเบิร์ต ลูน่า นายอำเภอเขตลอสแอนเจลิส ระบุในงานแถลงข่าว
นอกจากนี้ ป่าแห่งชาติแองเจลิส (Angeles National Forest) ที่มีพื้นที่กว่า 700,000 เอเคอร์ หรือ 2,800 ตารางกิโลเมตรในเทือกเขาซานเกเบรียล ถูกปิดไม่ให้ประชาชนเข้าใช้พื้นที่ทั้งหมด ในขณะที่ลมแรงยังคงพัดกระพือไฟให้ลุกลามหนักขึ้น นักดับเพลิงกว่า 4,000 นาย ถูกระดมกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยมีการใช้อากาศยานในการตักน้ำจากทะเลสาบเพื่อดับไฟ และเครื่องบินทิ้งสารหน่วงไฟบริเวณเนินเขา
ทั้งนี้ แคลิฟอร์เนียต้องประสบกับสภาพอากาศแห้งแล้งยาวนานถึง 9 เดือน โดยยังไม่มีฝนตกหนักในพื้นที่ ทำให้สภาพป่ากลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี อย่างไรก็ตาม นักพยากรณ์คาดว่าฝนอาจตกในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาสถานการณ์ไฟป่าได้บ้าง
ทางหลวงระหว่างรัฐหมายเลข 5 (Interstate 5 หรือ I-5) ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญของฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ถูกปิดในบริเวณทางผ่านเขา The Grapevine เนื่องจากหมอกควันหนาทึบ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟในพื้นที่ได้บางส่วนจนเปิดเส้นทางได้อีกครั้ง
ในขณะที่ไฟฮิวจ์ยังคงโหมกระหน่ำ ไฟป่าอีตันและพาลิเซดส์ (Palisades Fire) ซึ่งลุกลามตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2568 เริ่มเข้าสู่การควบคุมได้มากขึ้น โดยไฟอีตันที่เผาผลาญพื้นที่ไปกว่า 14,021 เอเคอร์ สามารถควบคุมได้ถึง 91% และไฟพาลิเซดส์ที่กินพื้นที่ 23,448 เอเคอร์ มีการควบคุมได้แล้ว 68%
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ไฟป่าสองแห่งนี้เริ่มต้นขึ้น ได้เผาผลาญพื้นที่เกือบเท่ากับขนาดของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สร้างความเสียหายรุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 28 คน และบ้านเรือนเสียหายหรือถูกทำลายกว่า 16,000 หลังคาเรือน นักพยากรณ์จากบริษัท AccuWeather ประเมินมูลค่าความเสียหายและผลกระทบทางเศรษฐกิจสูงถึงกว่า 250 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ