เปิดภาพ แม่ตั๊ก ออกจากเรือนจำ หลังศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมเงื่อนไข
เปิดภาพ "แม่ตั๊ก กรกนก" ออกจากเรือนจำ หลังศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมเงื่อนไข ยกมือไหว้ขอบคุณศาลที่เมตตา
วันที่ 31 ม.ค. 68 นางสาวกรกนก หรือ แม่ตั๊ก จำเลยที่ 3 เดินทางออกจากทัณฑสถานหญิงกลาง และ นายกานต์พล หรือ ป๋าเบียร์ จำเลยที่ 2 เดินทางออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังศาลอาญา มีคำสั่งพิจารณาประกันตัว พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยที่ 2 และที่ 3 นำข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ออกสื่อสังคมออนไลน์และทุกช่องทางการสื่อสาร ห้ามมิให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำการใดๆ ที่จะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่การดำเนินคดีในศาล และเพื่อป้องกันไม่ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 หลบหนี จึงให้ติดอุปกรณ์กำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM) ติดตามตัว และนำหนังสือเดินทางประเทศที่ยังไม่หมดอายุมาวางศาล หากผิดเงื่อนไขศาลจะพิจารณาเพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว และห้ามจำเลยที่ 2 และที่ 3 เดินทางออกนอกประเทศ โดยให้แจ้งคำสั่งกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบโดยเร็ว
โดยก่อนหน้านี้ ทนายความของทั้ง 2 คน ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวชั้นพิจารณา โดยศาลอาญา มีคำสั่งว่าพิเคราะห์แล้วข้อหาที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกฟ้องมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ระหว่างสอบสวนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกขังมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งนำเงินมาวางศาลเพื่อบรรเทาความเสียหายเต็มตามฟ้อง ผู้เสียหายมีเพียง 36 คน พฤติการณ์แห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และวางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท
อีกทั้งยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด หากได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเชื่อว่าจะไม่หลบหนี จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2 และที่ 3 ระหว่างพิจารณา
ด้านนายรัฐวิชญ์ อริยพัชญ์พล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงหลักการที่เกี่ยวกับการพิจารณาสั่งประกันว่า โดยหลักแล้วสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 29 วรรคสอง รับรองสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาไว้ว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้” ซึ่งหลักการนี้ก็ปรากฏอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญา มาตรา 107 ที่บัญญัติรับรองไว้อย่างชัดแจ้งว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยทุกคนพึงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
เว้นแต่กรณีใดที่มีข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่องที่อาจกระทบต่อความปลอดภัยของสังคมหรือความต่อเนื่องของการดำเนินคดี กฎหมายจึงจะเปิดช่องให้มีการคุมขังระหว่างพิจารณาไว้อย่างจำกัด นอกจากนี้ การสั่งปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาของศาลยุติธรรมในปัจจุบันยังให้ความสำคัญกับการนำมาตรการทางเลือกมาใช้แทนการนำเงินสดหรือหลักประกันมาวางศาล เช่น มาตรการตั้งผู้กำกับดูแล หรือการนำกำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว “EM” (Electronic Monitoring) มาใช้ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ประชาชน และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้ต้องหาหรือจำเลยที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน ให้สามารถเข้าถึงสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน อันเป็นมาตรการตามนโยบายของประธานศาลฎีกาที่มุ่งสร้างสมดุลและอำนวยความยุติธรรมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนและความมั่นคงปลอดภัยของสังคมไปพร้อมกัน