ทนายเดชา เผย "คดีแตงโมจบบริบูรณ์แล้ว" รู้แล้ว ฟังคำพิพากษา วันไหน
เสร็จสิ้นสืบพยานครั้งสุดท้าย คดี “แตงโม ตกเรือ” ทางด้านทนายเดชายืนยันว่าขณะนี้คดีของแตงโมถือว่าจบบริบูรณ์แล้ว
วันนี้ (13 ก.พ.) เวลาประมาณ 16.00 น. ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี หลังศาลนัดสืบพยานครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นคั้งสุดท้ายในคดี "แตงโม ตกเรือ" โดยในวันนี้ใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงในการสืบพยาน ซึ่งหลังเสร็จสิ้น น.ส.พนิดา (แม่แตงโม) ไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อแต่อย่างใด ส่วนทางด้านทนายเดชายืนยันว่าขณะนี้คดีของแตงโมถือว่าจบบริบูรณ์แล้วและศาลจะมีการนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เวลา 9.30 น.
ทนายเดชา กล่าวว่า หลังจากนี้ก็ต้องดูกันต่อไปว่าในวันดังกล่าวศาลจะมีการพิพากษาอย่างไรและคดีดังนี้จะเป็นการประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือจะเป็นการยกฟ้องก็ต้องมารอติดตามกัน หากว่ามีการยกฟ้องจริงตามกฎหมายก็จะต้องมีการยื่นอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน แต่หากว่าชนะคดีก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องอุทธรณ์ศาลฎีกาต่อไป ซึ่งทางตนก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเราจะชนะหรือแพ้คดี เพราะมันขึ้นอยู่กับอำนาจของศาลตนไม่สามารถจะตอบได้มันจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล
ส่วนทางด้านจำเลยคนที่ 4 ที่ศาลได้นัดมาสืบพยานในวันนี้ เบื้องต้นเขาได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิดอะไร ซึ่งก็ให้การเหมือนในชั้นสอบสวนทั้งหมด ส่วนข้อหาในวันนี้นั้น จะเป็นข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 10 ปี ในคดีนี้ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนข้อกล่าวหาใดๆ ได้ ต้องรอฟังคำพิพากษาและรอดูกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษว่าเขาจะสามารถหาคนผิดเพิ่มได้หรือไม่อย่างไร ซึ่งก็จะเป็นคนละประเด็น คนละส่วนและคนละฐานความผิดกัน
ทางด้านคุณแม่เองก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและได้ไปพบกับพนักงานสอบสวน DSI แล้ว ซึ่งทางคุณแม่ก็สนับสนุนในการค้นหาความจริงของคดีนี้ แต่ถึงยังไงก็ตามคุณแม่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนข้อหาอะไรได้ในคดีนี้ เนื่องจากว่าตัวของคุณแม่เป็นเพียงแค่โจทย์ร่วมในคดี ส่วนพนักงานอัยการเป็นโจทย์หากจะมีการแก้ฟ้องก็ต้องเป็นเรื่องของพนักงานอัยการ
ด้านทนายตุ่ย (ทนายของแซน วิศาพัช) กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการสืบพยานจำเลยครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นปากสุดท้ายในคดี โดยศารจะมีการนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 23 พฤษภาคม เวลา 9:30 น. และในวันดังกล่าวจำเลยทั้งหมดจะต้องมานั่งฟังคำพิพากษาด้วยตัวเองทุกคน ยืนยันว่าคดีนี้คนบนเรือถูกแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เวลาผ่านไปเกือบ 3 ปี ถ้าพูดในฐานะทนายความ ตนก็ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายความที่ต้องดูแลลูกความเท่านั้น ส่วนเรื่องของคดีเราก็ว่ากันด้วยพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงไม่มีอื่นใด หากถามว่าหนักใจไหมในส่วนของลูกความต้องบอกว่าจะพูดว่าหนักใจเสียทั้งหมดไม่ได้ เพียงแต่ว่าข้อเท็จจริงในคดีของเราเป็นอย่างไร เราก็ต่อสู้ในแนวนั้นไปตามพยานหลักฐานที่มีในสำนวน