รวบแล้ว คนสุดท้ายแก๊งสวมโกงบัตรเครดิต เหยื่อสูญ 1.2 ล้าน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ปิดฉากคดีใหญ่ จับกุมตัวการสุดท้ายของแก๊งมิจฉาชีพที่สวมบัตรเครดิตผูกบัญชีซื้อของออนไลน์ ก่อความเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท จากการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้รับพัสดุและเป็นคนโทรหลอกเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อสวมรอยเป็นเจ้าของบัญชี พร้อมทั้งทำการตัดต่อข้อมูลผู้เสียหายส่งให้ธนาคารเพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงข้อมูล

 

 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และการสั่งการของ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมทีมงานชุดจับกุมจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้ร่วมกันไล่ล่าผู้ต้องหาตามหมายจับ นายนฤมิตร (อายุ 26 ปี) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.117/2568 ลงวันที่ 23 มกราคม 2568 ในข้อหา ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น

พฤติการณ์การก่อเหตุ

แก๊งมิจฉาชีพรายนี้ใช้แผนซับซ้อนในการโกงเงิน โดยแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ได้แก่:

1. ปลอมตัวเป็นเจ้าของบัญชี ติดต่อธนาคารเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูล
2. ผูกบัตรเครดิตกับแอปพลิเคชันซื้อขายสินค้าออนไลน์ เพื่อซื้อของมีมูลค่าสูง เช่น สร้อยคอทองคำและโทรศัพท์มือถือ รวม 26 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท
3. รับพัสดุปลายทาง เพื่อปกปิดร่องรอยการกระทำผิด

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนขยายผลและสามารถจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 2 ราย เหลือเพียง นายนฤมิตร ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ยังคงหลบหนี

หลังจากหลบหนีไปยังพื้นที่ต่าง ๆ และใช้วิธีเปลี่ยนโทรศัพท์บ่อยครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการติดตาม เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ป. ได้สะกดรอยอย่างใกล้ชิด จนพบว่า นายนฤมิตร หลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโด ย่านพระราม 2 – ท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมและสามารถจับกุมตัวได้สำเร็จ

รับสารภาพ เตือนภัยประชาชน

จากการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้รับพัสดุและเป็นคนโทรหลอกเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อสวมรอยเป็นเจ้าของบัญชี พร้อมทั้งทำการตัดต่อข้อมูลผู้เสียหายส่งให้ธนาคารเพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงข้อมูล

เจ้าหน้าที่ได้ฝากเตือนประชาชน หากมีเบอร์โทรแปลกโทรเข้า ไม่ควรรับสายโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุและวัยเกษียณที่อาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ควรปรึกษาลูกหลานก่อนทำธุรกรรมทางการเงินใด ๆ

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายนฤมิตร ส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งเร่งขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม และประสานงานกับธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายต่อไป