"สามีน้องมายด์" รับสารภาพแล้ว ลงมือสังหารก่อนนำร่างอำพราง

คืบหน้าคดีน้องมายด์ สาวไทยในโอมาน ล่าสุด วันที่ 24 ก.พ. 68 เวลา 16.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นำพ่อแม่ของ "น้องมายด์" พร้อมเพื่อนของผู้เสียชีวิตเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลไทย เพื่อประสานงานกับตำรวจโอมาน หลังได้รับข้อมูลว่าสามีของน้องมายด์รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรมและนำศพไปเผาทิ้งที่ภูเขาซาบาย่า เมืองซาลาลาห์ ประเทศโอมาน

 

 

น้องมายด์ วัย 29 ปี ย้ายไปอาศัยอยู่กับสามีชาวบังกลาเทศที่ประเทศโอมาน ก่อนจะขาดการติดต่อไปกว่า 3 เดือน โดยก่อนหน้านี้ พ่อแม่และเพื่อนพยายามติดต่อแต่ไม่ได้รับคำตอบ จนกระทั่งทราบว่าสามีของน้องมายด์ถูกจับกุมในคดียาเสพติด และมีเบาะแสว่าเธออาจเสียชีวิตแล้ว

เพื่อนของน้องมายด์ที่เพิ่งเดินทางกลับจากโอมานให้ข้อมูลว่า ได้พูดคุยกับชาวบังกลาเทศที่รู้จักสามีของน้องมายด์ และได้รับการยืนยันว่าเธอถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต จากนั้นร่างของเธอถูกซุกซ่อนไว้ในโซฟาก่อนนำไปเผาทิ้งในพื้นที่ห่างไกล

เจ้าหน้าที่ตำรวจสากลไทย นำโดย พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.กองการต่างประเทศ และ พ.ต.อ.ศิลา ตันตระกูล ผกก.ฝ่ายตำรวจสากลฯ ได้รับเรื่องและประสานงานกับตำรวจโอมานเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง รวมถึงตรวจสอบร่างที่ถูกเผา เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล หากพบว่าเป็นน้องมายด์จริง จะมีการดำเนินการนำร่างกลับสู่ประเทศไทย

พ.ต.อ.ศิลา เปิดเผยว่า ตำรวจสากลไทยมีเครือข่ายความร่วมมือกับตำรวจ 190 ประเทศ และจะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในกระบวนการสอบสวน การเปิดเผยรายละเอียดอาจต้องขึ้นอยู่กับทางการโอมาน

 

ด้านพ่อของน้องมายด์เผยว่า ตนไม่ได้พบลูกสาวมานานกว่า 6 ปี และการพูดคุยครั้งสุดท้ายคือเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ทุกครั้งที่โทรศัพท์คุยกัน น้องมายด์มักกำชับให้ดูแลแม่ที่ตาบอด พร้อมทั้งส่งเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวและหลานชายวัย 10 ขวบที่เป็นเด็กพิเศษ

"เมื่อได้ข่าวว่าลูกเสียชีวิต พ่อกับแม่เสียใจมาก เพราะเธอคือเสาหลักของบ้าน ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะอยู่กันอย่างไร ขอให้ทุกฝ่ายช่วยทำให้ความจริงปรากฏ และหากลูกเสียชีวิตจริงก็อยากนำร่างหรืออัฐิกลับมาบ้านเกิด เพื่อทำบุญเป็นครั้งสุดท้าย" พ่อของน้องมายด์กล่าว

 

 

นางปวีณากล่าวขอบคุณตำรวจสากลไทยที่ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือคดีนี้ และย้ำว่าการประสานงานกับตำรวจโอมานจะดำเนินต่อไป เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิต

"นี่คือเรื่องของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หญิงสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างแดน เธอสมควรได้รับความเป็นธรรม และเราหวังว่าตำรวจโอมานจะให้ความกระจ่างโดยเร็วที่สุด" นางปวีณากล่าว

ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบและรอผลยืนยันจากทางการโอมาน โดยทุกฝ่ายหวังว่าจะได้รับข่าวที่ชัดเจนในเร็ววัน