รวบแล้ว คนร้ายชิงทอง 160 บาท ในห้างที่อยุธยา ที่แท้เป็นทหารอากาศ

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2568 เวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระอินทร์ราชา ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนชิงทองภายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้า ริมถนนสายเอเชียออก หลัก กม.ที่ 1 ต. เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นคนร้ายวิ่งออกมาหน้าห้างหลบหนีไป โดยทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไป คือสร้อยคอทองคำ 12 เส้น รวมทั้งสิ้นน้ำหนัก 160 บาท มูลค่าประมาณ 7.8 ล้านบาท

ตำรวจได้ตามแกะรอยขยายผลจากภาพวงจรปิดและพยานในที่เกิดเหตุ พบว่าก่อนก่อเหตุ 1 วัน (22 มี.ค.) คนร้ายได้ขับรถกระบะไปจอดไว้ที่ลานจอดรถแห่งหนึ่งใกล้กับห้างฯ เพื่อมาดูลาดเลา ในวันที่ 23 มี.ค. ได้มาจอดรถไว้ลานจอดรถที่เดิมแล้วใช้วิธีการเดินเท้าไปที่ห้างสินค้าและตรงเข้าไปที่ร้านทองก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทองรูปพรรณ แล้วเดินเท้าออกมาว่าจ้างสินรถจยย.ให้ไปส่งใกล้กับจุดที่จอดรถ

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของรถยนต์กระบะคันต้องสงสัย พร้อมกับการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆจนทราบตัวผู้ก่อเหตุ คือ พันจ่าอากาศเอก วรพจน์ อายุ 43 ปี ติดตามไปจับกุมที่ในพื้นที่ของจังหวัดปทุมธาน พร้อมของกลางทองรูปพรรณเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ

 

จากการสอบสวนในเบื้องต้นให้การยอมรับสารภาพว่ามีปัญหาในเรื่องของหนี้สิน พยายามที่จะหากู้เงิน เพื่อมาชำระหนี้สินแต่ไม่สามารถหาได้ ก่อนเกิดเหตุได้มาจอดแวะเข้าห้องน้ำที่ห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุพบเห็นร้านทอง เข้าออกได้สะดวกจึงกลับไปคิดและวางแผนอีกครั้งมาลงมือก่อเหตุ

ขณะที่ พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า กองทัพอากาศได้รับการประสานงานจากตำรวจ สภ.พระอินทร์ราชา เพื่อขอรับการสนับสนุน ในการเข้าร่วมปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องสงสัยในคดีชิงทรัพย์ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้า จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเจ้าหน้าที่ติดตามผู้ต้องสงสัยมาจนถึงที่พักในพื้นที่กรุงเทพฯ

 

"การปฏิบัติงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจและสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) สามารถควบคุมตัว พ.จ.อ.วรพจน์ แผนกขนส่งกองบิน 21 ต.ไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องสงสัยได้สำเร็จ พร้อมตรวจยึดของกลาง ซึ่งประกอบด้วยทองรูปพรรณจำนวนหนึ่ง อาวุธปืน และรถยนต์ที่ใช้ในการหลบหนี" พล.อ.ท.ประภาส กล่าว

 

ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยได้ถูกควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่งมอบให้สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา เพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป