หมอเตือนเรื่องสำคัญ เกี่ยวกับ "มะเร็ง" ใครเป็น "เบาหวาน" ระวัง

หมอเจด เตือน หลายคนยังเข้าใจผิดว่า “เบาหวาน” คือโรคน้ำตาลในเลือดสูงธรรมดา แต่ความจริงคือมันอาจกลายเป็นประตูสู่ “มะเร็ง” และโรคร้ายอื่น ๆ ได้โดยไม่รู้ตัว!
อย่าคิดว่าเบาหวานแค่ควบคุมน้ำตาลก็พอ! เพราะงานวิจัยล่าสุดชี้ชัด เบาหวานชนิดที่ 2 เสี่ยงสูงต่อมะเร็งหลายชนิด ทั้งตับ ลำไส้ เต้านม และอีกเพียบ!
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
หลายคนคิดว่า “เบาหวาน” เป็นโรคที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วเบาหวาน
โดยเฉพาะชนิดที่ 2 นั้น ไม่ได้จบแค่เรื่องน้ำตาลในเลือดอย่างที่หลายคนเข้าใจ นะ
ยิ่งปล่อยไว้สู่โรคเรื้อรังร้ายแรงอื่น ๆ อย่าง “มะเร็ง” ได้เลยทีเดียว
1. งานวิจัยอะไรกับเรา?
ข้อมูลจาก International Diabetes Federation (IDF) บอกว่า ในปี 2021 มีผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกมากถึง 537 ล้านคน
หรือคิดเป็นประมาณ 1 ใน 10 ของประชากรโลก และตัวเลขนี้ยังไม่หยุดแค่นั้น
เพราะ IDF คาดการณ์ว่า ภายในปี 2045 ตัวเลขนี้จะพุ่งสูงถึง 783 ล้านคน ซึ่งน่ากังวลอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา
ในอีกด้านหนึ่ง World Health Organization (WHO) รายงานว่า ปี 2020 มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 19.3 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งมากถึง 10 ล้านคน ทั่วโลก
ข้อมูลนี้สะท้อนว่า โลกเรากำลังเผชิญกับสองโรคเรื้อรังที่รุนแรงและมาพร้อมกันมากขึ้น และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“เบาหวานชนิดที่ 2 มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งหลายชนิดอย่างชัดเจน”
มีงานวิจัย วารสาร Diabetes Care ซึ่งตีพิมพ์โดย American Diabetes Association
ซึ่งพบว่าเบาหวานชนิดที่ 2 เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็น
- มะเร็งตับ (Liver Cancer)
– คนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีโอกาสเป็นมะเร็งตับมากกว่าคนทั่วไป
- มะเร็งตับอ่อน (Pancreatic Cancer)
– งานวิจัยบอกชัดว่าเสี่ยงเพิ่มขึ้นแบบมีนัยสำคัญเลย
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial Cancer)
– เจอบ่อยในผู้หญิงที่เป็นเบาหวาน โดยเฉพาะถ้ามีน้ำหนักเกินร่วมด้วย
- มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง (Colorectal Cancer)
– คนที่ไม่ได้ตรวจคัดกรองตามเกณฑ์ยิ่งเสี่ยงสูงขึ้นไปอีก
- มะเร็งเต้านม (Breast Cancer)
– โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Cancer)
– มีข้อมูลที่ชี้ว่า คนเป็นเบาหวานระยะยาวมีโอกาสเจอมะเร็งชนิดนี้มากกว่าคนทั่วไป
เพราะฉะนั้น อย่ามองว่าเบาหวานเป็นแค่โรคน้ำตาลในเลือดสูงนะครับ มันเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของโรคอื่น ๆ โดยเฉพาะมะเร็งที่ไม่ควรมองข้ามเลยจริง ๆ
2. เบาหวานเกี่ยวอะไรกับมะเร็ง?
เพราะฉะนั้นทั้งเบาหวานกับมะเร็งมันเกี่ยวข้องกันนะครับ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ เบาหวานก็คือ “ดิน” ที่พร้อมจะให้ “มะเร็ง” เติบโตได้ง่ายขึ้น
ซึ่งมันเกี่ยวข้องกันด้วยกลไก 3 อย่างนี้
•ภาวะอักเสบเรื้อรัง ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มักมีระดับสารอักเสบในร่างกายสูงอยู่ตลอดเวลา
เช่น IL-6, TNF-α ซึ่งสารเหล่านี้สามารถส่งผลให้เซลล์ในร่างกายเกิดการแบ่งตัวผิดปกติ เกิดการกลายพันธุ์ และนำไปสู่มะเร็งได้
•ภาวะอินซูลินสูง (Hyperinsulinemia) เมื่อร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ตับอ่อนจะหลั่งอินซูลินมากขึ้น
อินซูลินในระดับสูงจะกระตุ้นให้เซลล์เจริญเติบโตมากเกินไป ซึ่งอาจเร่งให้เซลล์มะเร็งโตเร็วขึ้น โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม ตับ และลำไส้
•ระดับน้ำตาลสูง น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานของเซลล์มะเร็ง เพราะเซลล์มะเร็งมีการเผาผลาญกลูโคสสูงกว่าปกติ
เพราะฉะนั้นการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงตลอดเวลา จึงเหมือนการ “เติมเชื้อเพลิง” ให้กับมะเร็ง
ที่สำคัญคือ ภาวะอ้วนที่มักเกิดร่วมกับเบาหวาน ยังเป็นตัวเสริมความเสี่ยงอย่างแรง เพราะไขมันหน้าท้องจะหลั่งฮอร์โมนและสารอักเสบออกมาอีกเพียบ ทำให้ร่างกายยิ่งเสี่ยงโรคร้าย
3. เราจะป้องกัน หรือหายจากเบาหวานได้ยังไง?
แม้ฟังดูน่ากลัว แต่เราป้องกันและควบคุมโรคนี้ได้จริง โดยเฉพาะในระยะก่อนเป็น หรือแม้แต่ในผู้ที่เป็นแล้วแต่ยังไม่ดื้อต่อการรักษา
- ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน
หลายคนอาจมองข้าม เพราะคิดว่า “ก็แค่เปลี่ยนน้ำหวานเป็นน้ำเปล่า” แต่ผมบอกเลยว่า นี่คือด่านแรกที่หลายคนล้มเหลว
ผมเองก็เคยติดกาแฟหวาน ๆ สายคาราเมลมัคคิอาโตแบบหนักหน่วง วิธีที่ได้ผลที่สุดสำหรับผมคือ “หักดิบ” เลยครับ หิวน้ำหวานเมื่อไหร่ ยกน้ำเปล่ามาจิบทันที
หรือบางคนอาจเริ่มจากการค่อย ๆ ลดหวาน เปลี่ยนมาดื่ม กาแฟดำ ชาไม่หวาน หรือเครื่องดื่มที่ไม่เติมน้ำตาล จะช่วยให้ผ่านช่วง “ถอนน้ำตาล” ได้ง่ายขึ้น
จากประสบการณ์คนไข้ที่ผมดูแล ถ้าทำได้ 7-10 วัน ร่างกายจะเริ่มรีเซ็ต และความอยากน้ำตาลจะลดลงชัดเจน
- เลือกคาร์โบไฮเดรตให้ดี
หลายคนเข้าใจผิดว่าไม่กินของหวาน = ไม่เสี่ยงเบาหวาน
แต่จริง ๆ แล้ว “คาร์บจากอาหาร” นี่แหละครับ ตัวดีเลย
ผมมักแนะนำคนไข้ว่า ลองสังเกตดูว่าคุณกิน ข้าวขาว บะหมี่ ขนมปังขาว เป็นประจำหรือเปล่า
เพราะคาร์บเชิงเดี่ยวเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลไวมาก
ทางเลือกที่ดีกว่าคือการกินแบบ Low Carb + คาร์บเชิงซ้อน
เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี มันหวาน ถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี
ซึ่งจะค่อย ๆ ปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้อินซูลินไม่ต้องทำงานหนัก และลดโอกาสเสี่ยงดื้ออินซูลินในระยะยาว
- ทำ IF (Intermittent Fasting)
การทำ IF โดยเฉพาะแบบ 16/8 คือการจำกัดช่วงเวลาการกินให้อยู่ใน 8 ชั่วโมง และเว้น 16 ชั่วโมง
ช่วยให้ระดับอินซูลินในร่างกายลดลง และเพิ่มความไวต่ออินซูลิน
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยสนับสนุนว่า การทำ IF อย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดน้ำหนัก ลดไขมันในช่องท้อง และลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้จริง
อย่างไรก็ตาม คนที่เริ่มทำครั้งแรก ถ้ามีโรคประจำตัว แนะนำว่าปรึกษาหมอก่อนนะ
- ลำดับการกิน
วิธีนี้ง่ายมาก แต่ได้ผลจริง เริ่มจากผักก่อน ตามด้วยโปรตีน แล้วค่อยกินคาร์บเป็นลำดับสุดท้าย
จากงานวิจัยพบว่า การกินตามลำดับนี้ช่วยลดการพุ่งของน้ำตาลหลังอาหารได้ถึง 30-40% เลยทีเดียว
เพราะผักและโปรตีนจะช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาลจากคาร์โบไฮเดรต
นอกจากนี้ยังช่วยให้อิ่มนาน ลดอาการหิวบ่อย และลดความเสี่ยงในการกินจุกจิกช่วงระหว่างมื้ออีกด้วย
- ออกกำลังกาย
ออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องหนักแบบนักกีฬา แต่ควร “สม่ำเสมอ”
แนะนำให้ออกกำลังกาย อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ จะเป็นการเดินเร็ว ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำก็ได้
ถ้าเน้นการเพิ่มกล้ามเนื้อ แนะนำให้มีการ เวทเทรนนิ่ง ร่วมด้วย เพราะกล้ามเนื้อเป็นเหมือนโรงงานเผาผลาญน้ำตาลที่ดีที่สุดของร่างกาย
4. แล้วถ้าเสี่ยงเบาหวาน เสี่ยงอะไรอีกบ้าง?
นอกจากความเสี่ยงต่อมะเร็งแล้ว เบาหวานยังเพิ่มความเสี่ยงของโรคเรื้อรังอีกหลายชนิด เช่น:
•โรคหัวใจ เบาหวานเพิ่มโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบถึง 2-4 เท่า
•โรคไตวายเรื้อรัง เป็นสาเหตุหลักของผู้ป่วยที่ต้องฟอกไต
•เบาหวานขึ้นตา ทำให้ตาพร่ามัว จอประสาทตาเสื่อม จนถึงขั้นตาบอดได้
•เส้นประสาทเสื่อม ทำให้รู้สึกชา ปวดแสบปวดร้อน โดยเฉพาะบริเวณมือและเท้า
•ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เพราะภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้แผลหายช้า ติดเชื้อง่าย โดยเฉพาะแผลเบาหวานที่เท้า
5. ทั้งหมดที่เล่ามาไม่ใช่เพื่อให้กลัวเบาหวาน หรือกลัวมะเร็งจนเครียดนะครับ
แต่อยากให้เรา “รู้ทัน” และ “เห็นภาพ” ว่าโรคพวกนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นแบบปุ๊บปั๊บ
แต่มันค่อย ๆ สะสมจากพฤติกรรมเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันที่เราทำอยู่ทุกวัน
เบาหวานไม่ใช่แค่เรื่องของน้ำตาล แต่มันเชื่อมโยงกับโรคอื่นอีกมาก
ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ ไต ตา เส้นประสาท หรือแม้แต่มะเร็ง
และมันไม่ได้ไกลตัวเลยครับ
ใครที่มีความเสี่ยง อย่าลืมดูแลตัวเองตามที่ผมบอก จะได้ลดความเสี่ยง และอาหารแทรกซ้อนต่างๆนะครับ
ดูแลวันนี้ ดีกว่ารักษาพรุ่งนี้นะครับ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะครับ

ดวงเฮงรับสงกรานต์ ลุงป้าขายผักบ่อวิน ถูกรางวัลที่ 1 รับโชค 12 ล้าน

"แพรรี่" ตั้งคำถาม เตือนสติ ปมแผ่นดินไหวจังหวัด "ก.ไก่"

เผยสาเหตุ อาฉี ตลกดังเสียชีวิตกะทันหัน ปิดตำนาน ตลกเสียงหล่อ

แฟนเพลงเฮลั่น "แม่ผ่องศรี" ให้โชคเต็มๆ รับทรัพย์ถ้วนหน้า
