ทปอ. เผย คณะยอดฮิตปี 2568 ที่นักเรียนเลือกสอบมากที่สุด

วันที่ 21 เม.ย. นายชาลี เจริญลาภนพรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และผู้จัดการระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา หรือ ทีแคส ปีการศึกษา 2568 ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า

 

ตามที่ ทปอ.ได้ประกาศผลและเฉลยคำตอบการทดสอบความรู้เชิงวิชาการ หรือ A-Level และประกาศผลคะแนนการพิจารณาข้อโต้แย้งไปเมื่อเร็วๆ นี้ และมีการเปิดเผยคะแนนรวม กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท)

 

โดยนำคะแนนผู้ที่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของกสพท ทั้งหมด กว่า 10,000 ราย รวมคะแนน A-Level7 วิชา และ TPAT1 การวัดความถนัดทางวิชาชีพแพทย์ มารวมให้เป็นคะแนนเต็ม 100 ตามค่าน้ำหนักของกสพท แล้วนำมาเรียงลำดับ แบ่งตามช่วงคะแนน รวมถึงเปรียบเทียบช่วงคะแนนต่ำสุดระหว่างปี 67 และปี68 เพื่อให้นักเรียนได้รู้ผลคะแนนของตัวเองว่า สามารถเลือกสมัครได้เหมาะสมกับตัวเอง

ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะคะแนนรวมของ กลุ่มกสพท เท่านั้น ยังรวมถึงคณะอื่นๆ เช่น บัญชี วิศวกรรมศาสตร์ ด้วยนั้น และเท่าที่ดูพบว่า ผลคะแนนต่ำสุดของปี’68 สูงขึ้นกว่าปี’67

 

ดังนั้น จึงไม่อยากให้นักเรียนประมาท เพราะเวลาเลือกคณะ/สาขาไปแล้ว อาจจะต้องเผื่อใจไว้ด้วย เพราะว่า คณะ/สาขาที่คิดว่า คะแนนสูงกว่าปีที่ผ่านมา ก็อาจมีคะแนนสูงมากขึ้น เช่น กลุ่มแพทย์ ซึ่งคะแนนต่ำสุดอยู่ที่ 75

 

ดังนั้นก่อนเลือกคณะ/สาขา ในรอบที่ 3 รอบแอดมิสชั่น ซึ่งจะเริ่มรับสมัครต้นเดือนพฤษภาคม อยากให้นักเรียนดูคะแนนคาดการณ์จาก ทปอ. ก่อนเลือก หากคะแนนสูงกว่าคะแนนต่ำสุดปี68 ก็อาจจะถือว่า อยู่ในระดับที่ปลอดภัย

“สำหรับคณะ/สาขา ยอดนิยมในปี2568 อาจจะยังไม่ชัดเจน แต่เท่าที่ดูเทรนด์ในโซเชียล ระยะหลัง คณะทันตแพทย์ มาแรงกว่า แพทย์ในกลุ่มอื่นๆ ส่วนหนึ่งเพราะมีเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น และรายได้ไม่ต่างกับแพทย์ทั่วไปมากนัก อีกทั้งการทำงานยังมีความเครียดน้อยกว่าแพทย์สาขาอื่นๆ

 

ส่วนสายสังคมศึกษา พบว่า คณะ/สาขาที่มีผู้เลือกสมัคร ค่อนข้างมาก คือ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และคณะนิติศาสตร์ ที่มาแรง อาจเพราะโลกปัจจุบันมีความต้องการนักกฎหมายมากขึ้น ส่วน คณะพยาบาลศาสตร์ ยังคงมาเป็นอันดับ 1 เช่นทุกปี เพราะเป็นวิชาชีพที่มีความมั่นคง

 

ทั้งนี้ ทปอ. ยังคงพัฒนาระบบทีแคสอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องการจัดทำฐานข้อมูลต่างๆ และในอนาคตมีความคิดว่า จะนำระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ มาใช้ในการประมวลผลให้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน และนำผลจากการเลือกคณะ/สาขาของนักเรียน ไปใช้ในการทำนายกำลังคนของประเทศในอนาคต เป็นการนำข้อมูลที่มีอยู่ไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้องค์กรอื่น ๆ ที่ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับทักษะแรงงานสามารถนำไปวางแผนนโยบายต่าง ๆ ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น” นายชาลี กล่าว