อาการ"น้องฟีฟ่า"แพทย์ยืนยันน้องจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม 100%

ปาฏิหาริย์ไม่มีสำหรับน้องฟีฟ่า น่าเศร้าจริงๆครับ แพทย์ที่รักษาจะรับผิดชอบอย่างไร? แพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต อัปเดตอาการล่าสุด
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 16 -17 กุมภาพันธ์ 2568 น้องฟีฟ่า หรือน้องหนึ่งธิดา มุ่งต่อบัว มีอาการท้องเสีย ได้มารักษาที่โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ แพทย์ท่านหนึ่งได้ให้การรักษาโดยฉีดยาอะดรีนาลีน ทำให้หัวใจหยุดเต้นไป 3 นาที(ตายแล้ว)แพทย์ได้ทำการปั้มหัวใจขึ้นมา น้องฟีฟ่าฟื้นคืนชีพ แต่ต่อมาปรากฎว่า ตาบอด สมองพิการ นอนติดเตียง กล้ามเนื้ออ่อนแรง พูดไม่ได้ กลายเป็นคนพิการ ขณะนี้รักษาตัวที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ทีมแพทย์และพยาบาลดูแลดีมาก ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
โดยเมื่อวาน วันที่ 21 เมษายน2568 พ่อแม่น้องฟีฟ่าและทนายพัณณ์ชิตา ไชยเดช ทีมงานบริษัท กฎหมายอนันต์ชัย ไชยเดช จำกัด ได้ไปพบคณะแพทย์ กุมารแพทย์ กุมารเวชกรรม ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต เพื่อขอคำแนะนำในการรักษา ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับที่ให้ความจริงปรากฏ
- อัปเดตอาการล่าสุดสรุปดังนี้
จากการที่น้องฟีฟ่าหยุดหายใจไป 3 นาที ทำให้ ร่างกายของน้องได้รับความเสียหายแบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้
- ส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นส่วนหลัก คือระบบประสาทเนื่องจากน้องหยุดหายใจไป 3 นาทีทำให้ระบบประสาทได้รับความเสียหายหรือว่าได้รับกระทบกระเทือนอย่างร้ายแรงรวมถึงมีบางส่วนที่ฝ่อไป ส่งผลทำให้สายตาของน้องมองไม่เห็นเสียหายและส่งผลทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงเดินไม่ได้ ในส่วนนี้รักษาได้ด้วยยา
คำถามที่ว่า ระบบประสาทของน้องจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ในส่วนนี้ยังตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวน้องเองว่าน้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมากขนาดไหนแต่จากการที่คุณหมออ่านแพทย์และประชุมกับทางโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์และแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต พบว่าน้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้นแต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะกลับมาได้ดีขนาดไหน แต่โอกาสที่จะกลับมา 100% อาจจะเป็นไปได้ยาก
- ส่วนที่ 2 เกี่ยวเนื่องมาจากระบบประสาทในส่วนที่ 1 คือเมื่อระบบประสาทโดนทำลาย ส่งผล ต่อการมองเห็นซึ่งในส่วนนี้ หมอทั้งที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ได้ทำการปรึกษากันแล้วว่ายังตอบไม่ได้ว่าน้องจะกลับมามองเห็นได้หรือไม่ แต่ภายใน 6 เดือนนี้ ถ้าน้องยังไม่ฟื้นฟูหรือมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นน้องก็จะสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต
คำถามที่ว่า น้องจะกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมหรือไม่ต้องตอบหลังจาก 6 เดือนนี้ซึ่งก็ต้องถามแพทย์ผู้ทำการรักษาอีกทีว่าน้องมีพัฒนาการทางด้านการมองเห็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ถ้าดีขึ้นน้องก็มีโอกาสกลับมามองเห็น แต่ถ้าแย่ลงหรือเท่าเดิม น้องก็ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว รวมทั้งได้ถามถึงสาเหตุที่สายตาของน้องที่แกว่งไปแกว่งมา ตอบว่าเป็นเพราะว่าน้องปรับโฟกัสไม่ได้ ตาเลยพยายามหาจุดโฟกัสว่าอยู่ตรงไหน และหมอ ศิริราช คือหมอที่เก่งที่สุดในเรื่องนี้ น้องได้รับการรักษาจากหมอท่านนั้นแล้ว
- ส่วนที่ 3 ส่วนการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และระบบสมองและการพูด เป็นแผนระยะยาว ส่วนนี้ต้องกายภาพบำบัดไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าน้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้นหรือไม่ ในส่วนนี้รวมถึงการกลืนอาหารและการพูดของน้องด้วย เนื่องจากระบบประสาทโดนทำลายทำให้กล้ามเนื้อในการควบคุมการทำงานของแขนและขาโดนทำลายไปด้วยซึ่งจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวน้องเองจะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ตอบไม่ได้แต่จากการดูพัฒนาการของน้องสองสัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าน้องอยู่ในพัฒนาการที่ดีขึ้น
2. ความเห็นแพทย์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต
- ในความเห็นส่วนของ กูมารแพทย์ ระบบประสาทและสมอง คุณหมอเห็นว่าโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ใช้ทีมแพทย์และการรักษาที่ดีอยู่แล้วและบวกกับหมอในระบบประสาทและสมอง แพทย์ในประเทศไทยมีจำนวนน้อย ส่วนตัวคุณหมอเองคุณหมอจะไม่รับเคสเอาไว้พิจารณาเพราะเนื่องจากว่าเคสที่หมอจะรับจะเป็นเคสที่คุณหมอเห็นว่าควรได้รับการรักษา ที่ดีมากกว่านี้ แต่ในเคสของน้องฟีฟ่าคุณหมอเห็นว่าทีมแพทย์ได้ทำการรักษาอย่างถูกต้องและดีที่สุดแล้ว คุณหมอเห็นว่าน้องฟีฟ่าเกิดจากระบบประสาทและสมอง จะกลับมาเหมือนเดิม 100% คงเป็นไปไม่ได้ แต่จะฟื้นฟูกลับมาได้มากเท่าไหร่ก็ต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาและการฟื้นฟูของตัวน้องเอง
- ส่วนตัวของหมอที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต ไม่รับเคสของน้องเนื่องจากหมอเห็นว่าทางโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์รักษาน้องทั้งในแบบและวิธีการที่ดีที่สุดแล้ว คุณหมอมีความเห็นว่าหากเอาน้องมารักษาตัวที่นี่ต้องเป็นการรักษาที่ดีขึ้น แต่กรณีของน้องถึงแม้เอามา วิธีการรักษาก็เท่าเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บวกกับทีมแพทย์ที่ทำการรักษาน้องเป็นทีมที่ดีอยู่แล้ว
- ด้วยความที่ระบบประสาทโดนทำลาย น้องฟีฟ่าจะติดเชื้อและชักได้ง่ายกว่าเด็กทั่วไปหรือคนทั่วไป ฉะนั้น ในความเห็นของหมอ หมอเห็นว่าน้องถ้าดีขึ้นแล้วให้กลับมารักษาตัวที่บ้านจะดีกว่า เพื่อลดอาการชักและอาการติดเชื้อจากภายในโรงพยาบาล นอกจากนี้ถ้าในพื้นที่ของน้องมีพยาบาลตรวจเยี่ยมบ้านก็เห็นควรที่จะให้พยาบาลตรวจเยี่ยมบ้านมาดูน้องเป็นระยะระยะเพื่อดูพัฒนาการและสุขอนามัยของน้อง
- การวางแผนที่จะดูแลน้องต่อจากนี้คือให้พ่อแม่กลับไปเตรียมตัวดูแลน้องที่บ้าน และน้องต้องไปพบหมอหลายท่านหลายแผนก เช่น
1. หมอระบบประสาทและสมอง
2. หมอทางด้านการมองเห็น
3. หมอโภชนาการ
4. หมอพัฒนาการกล้ามเนื้อ
5. กายภาพบำบัด ในส่วนนี้สำคัญเพราะจะฟื้นฟูกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่เพิ่ม
คำถาม น้องต้องหาคุณหมอพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้หรือไม่ เนื่องจากระบบประสาทและสมองของน้องโดนลำลาย ?
คำตอบ ต้องดูว่าสายตาของน้องกลับมาได้เป็นปกติไหม ถ้ากลับมาปกติอาจจะพัฒนาแค่ในส่วนของกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ แต่ถ้าไม่ปกติก็อาจจะต้องมีการพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนเรื่องของตา ถ้าสายตากลับมาไม่ปกติก็ต้องไปหาคุณหมอทางด้านการมองเห็นอีกส่วนหนึ่ง
ต่อจากนี้น้องฟีฟ่า จะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม 100% แน่นอน แต่จะกลับมาได้มากน้อยเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวน้องเองจะสามารถพัฒนาตัวเองได้เท่าไหร่ และหลังจากนี้ภาระของพ่อกับแม่คือ ต้องพาน้องมาหาคุณหมอตามที่แนะนำไว้ด้านบน เนื่องจากพัฒนาการของน้องจะไม่กลับมาเป็นเด็กปกติเหมือนเดิม พัฒนาการทางด้านการเรียนรู้ของน้องอาจจะไม่ดีเหมือนเดิม สายตาการมองเห็นอาจจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม รวมทั้งในด้านการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ อาจจะกลับมาไม่เป็นปกติเหมือนเดิม
- สรุปคำตอบของคุณหมอโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต คือ น้องจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม 100% อย่างแน่นอน
- คำถาม อยากถามว่า แพทย์ที่ทำการรักษายังไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ยังไม่เคยขอโทษ แล้วใครจะรับผิดชอบ ? และจะรับผิดชอบแค่ไหน เพียงใด ? ต้องติดตามครับ ผมและทีมทนายความฯ จะติดตามอย่างใกล้ชิดครับ

เปิดประวัติ "สปาย" มือเป่าขมับ "น้องแตงโม" ประกาศลั่นไม่มอบตัว

เฮลั่น ครม. ไฟเขียว ต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ ไม่ต้องทดสอบร่างกาย

เปิดชีวิต เด็กเอ็นเหยื่อสาวท้องหึงผัว รู้แล้วถึงกับสงสาร

"โอปอล สุชาตา" ถูกปลดฟ้าผ่า พ้นรองอันดับ 3 Miss Universe 2024
