นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการสนับสนุนการใช้รถยนต์อีวีภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ในวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ว่า ในที่ประชุมมีการหารือถึงการสนับสนุนมาตรการอีวีระยะ 3.5 และการขยายสิทธิประโยชน์ด้านสรรพสามิตให้กับรถอีโคคาร์หรือรถที่ยังเป็นสันดาปอยู่
รายละเอียดเบื้องต้น
มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่ 2 หรือ อีวี 3.5 ช่วงระยะเวลา 4 ปี (2567-2570) ตามที่คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ(บอร์ดอีวี) เห็นชอบเมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 ที่จะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 67 เพื่อดึงดูดรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาลงทุนในประเทศ
มาตรการอีวี 3.5 ให้ส่วนลด 50,000- 100,000 บาทต่อคัน
มาตรการอีวี 3.5 รัฐบาลจะให้ส่วนลด 50,000- 100,000 บาทต่อคัน รถยนต์ไฟฟ้าไม่เกิน 2 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไม่เกิน 1.5 แสนบาท ภาษีนำเข้าไม่เกิน 40% ช่วง 2 ปีแรก(2567 – 2568) รถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และลดอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท
เงื่อนไขกระตุ้นการลงทุนในประเทศ
เงื่อนไขกระตุ้นการลงทุนในประเทศ โดยให้ผู้ได้รับการสนับสนุนผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าภายในปี 2569 อัตราส่วน 1 : 2 นำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชย 2 คัน และจะเพิ่มอัตราส่วนเป็น 1 : 3 ภายในปี 2570 รวมทั้งกำหนดให้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูป ที่นำเข้าและผลิตในประเทศไทยจะต้องได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(มอก.) และต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานตามมาตรฐานสากลจากศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ
แท็กซี่ไฟฟ้าเตรียมให้บริการ
สมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ได้ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับแท็กซี่ไฟฟ้า ล่าสุดได้ประกาศรับสมัครผู้เข้าร่วมเป็นหนึ่งใน1,000คนแรกของชุดแรกในโครงการแท็กซี่ไฟฟ้าEV100% โดยได้เปิดรถยนต์ไฟฟ้าEV100% ยี่ห้อฟีกาตาร์จัด เพื่อเตรียมความพร้อมการให้บริการรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้า EV 100%