สุดล้ำ! ฝีมือคนไทย "รถบัสไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ"

รถบัสไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 3 รองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวในเขตโบราณสถาน เตรียมความรู้และบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านอีกขั้น ทดลองให้บริการ 31 มกราคม 2567 - 1 กรกฎาคม 2567 รอบบึงพระราม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ปัจจุบันทั่วโลกเริ่มปรับตัวรับมือกับการเข้ามาของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่คาดว่าในอีก 10 - 20 ปีข้างหน้า จะเข้ามาแทนรถยนต์สันดาป รวมทั้งความท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ก็คือการปรับตัวเพื่อเข้าสู่ยุคของ “ยานยนต์เชื่อมต่อและขับเคลื่อนอัตโนมัติ” (Connected and Autonomous Vehicle :CAV) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “ยานยนต์อัตโนมัติ” ที่ตัวยานยนต์จะมีระบบอัตโนมัติในการขับขี่และสามารถสื่อสารกับยานยนต์คันอื่นได้ โดยมีการกำหนดระดับขั้นของการพัฒนาระบบอัตโนมัติของยานยนต์ไว้ 5 ระดับ ตั้งแต่ในระดับที่มีระบบช่วยเหลือการขับขี่บางส่วน เช่น Cruise control (Level 1) ไปจนถึงระบบที่รถยนต์ทำงานอย่างอิสระเต็มรูปแบบโดยไม่จำเป็นต้องมีคนขับ (Level 5) และหนึ่งในการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวทันต่อการปรับตัวสู่ยุคยานยนต์ไร้คนขับ ที่จะมาถึงในอนาคอันใกล้คือ การสร้างหรือต่อยอดองค์ความรู้ และสร้างบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพัฒนา “ยานยนต์เชื่อมต่อและขับเคลื่อนอัตโนมัติ”
“โครงการสร้างรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบด้วยเทคโนโลยี 5G เพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวในเขตโบราณสถาน” ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มอบหมายให้ ศูนย์วิจัย Mobility & Vehicle Technology Research Center (MOVE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการพัฒนารถบัสไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ 5G ร่วมกับ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (TKC) โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 20 เดือน (พ.ย. 65 - ก.ค. 67)
รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน และหัวหน้าศูนย์วิจัย Mobility and Vehicle Technology Research Center (MOVE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ในฐานะ หัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า ในส่วนของการพัฒนารถบัสไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ 5G ต้นแบบคันนี้ ประกอบด้วยการวิจัยพัฒนาในหลายส่วน ทั้งการพัฒนาและติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเข้าไปในรถบัสไฟฟ้าซึ่งถูกผลิตในประเทศไทย.
ระบบควบคุมรถจากข้อมูลที่ตรวจวัดได้จากเซนเซอร์ ได้แก่
- ไลดาร์ จำนวน 6 ตัว
- เรดาห์ จำนวน 1 ตัว
- การทำแผนที่ความละเอียดสูงในเส้นทางวิ่งที่กำหนด และการเขียนโปรแกรมในการควบคุมและสั่งการรถบัส
- โดยรถบัสมีความสามารถการขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 3 ซึ่งจะขับเคลื่อนได้เองตามเส้นทางวิ่งที่กำหนดไว้แต่ยังมีความจำเป็นต้องมีพนักงานขับขี่นั่งอยู่หลังพ่วงมาลัยเพื่อความปลอดภัยและการตัดสินใจในบางสถานการณ์
- มีการจัดทำระบบสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายไร้สาย 5G ที่จะทำให้รถสามารถสื่อสารกับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จองที่นั่งผ่านแอปพลิเคชันได้
การออกแบบระบบ Drive by wire ประกอบด้วย
- ระบบบังคับพวงมาลัยด้วยสัญญาณไฟฟ้าผ่านมอเตอร์ที่ติดตั้งบริเวณก้านพวงมาลัยเพื่อควบคุมการหมุนของพวงมาลัย
- ระบบเบรกด้วยสัญญาณทางไฟฟ้าผ่านมอเตอร์ที่ติดตั้งบริเวณแป้นเบรก
- ระบบสั่งการคันเร่งด้วยสัญญาณทางไฟฟ้าที่จะควบคุมการเปลี่ยนความเร็วของรถ ที่สำคัญคือระบบย่อยทั้ง 3 ระบบข้างต้น จะถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณที่เก็บสัมภาระหลังคนขับ ที่จะมีฟังก์ชันสั่งการในการทำงาน 7 อย่าง คือ การเร่ง การเบรก การหมุนของพวงมาลัย การสตาร์ทรถ การเปลี่ยนเกียร์การเปิดปิดไฟเลี้ยว เเละการทำงานของแตร
การออกแบบระบบเซนเซอร์บนรถ
- มีเซนเซอร์ตรวจจับวัตถุและวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์ หรือไลดาร์ (Light Detection and Ranging System – LiDAR) ที่สามารถตรวจจับวัตถุในระยะไกลสุด 100 เมตร จำนวน 4 ตัว ตรวจจับวัตถุที่ระยะไกลสุด 200 เมตรอีก 2 ตัว
- ทำงานร่วมกับเซนเซอร์เรดาห์ 1 ตัว ที่ติดตั้งบริเวณด้านหน้ารถเพื่อเพิ่มเติมการตรวจจับวัตถุในระยะไกล
โดยทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูล ณ เวลาและตำแหน่งปัจจุบัน ที่จะถูกนำไปประมวลผลร่วมกับแผนที่ความละเอียดสูงที่อยู่ในฐานข้อมูล เพื่อให้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติทำการตัดสินใจและสั่งการบังคับรถผ่านระบบ Drive by wire ในแต่ละฟังก์ชันต่อไป
การชาร์จรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับ
ได้รับการสนับสนุนพื้นที่จากเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาในการติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรงขนาดกำลังไฟ 40 kW รวมทั้งเป็นพื้นที่จอดรถระหว่างการทดลองวิ่งให้บริการ
เทคโนโลยี 5G เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ
ดร.ภาณุภัทร์ ภู่เจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายโทรคมนาคม จาก บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) รองหัวโครงการฯ ให้ข้อมูลว่า ได้นำระบบ 5G มาผสานกับเทคโนโลยียานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เป็น “ต้นแบบ” ของเทคโนโลยี C-V2X (Cellular Vehicle-to-Everything) ซึ่งเป็นระบบสื่อสารที่นำโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่มาเป็นพื้นฐานให้รถคันนี้สื่อสารกับสิ่งที่ต้องการเชื่อมต่อได้ ดังนั้น การสื่อสารผ่านเครือข่าย 5G กับแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว สามารถเรียกรถและจองที่นั่ง รวมทั้งดูตำแหน่งปัจจุบัน และเวลาที่รถจะมาถึงได้
โดยระบบที่พัฒนาขึ้นมานี้สามารถต่อยอดไปสู่การเชื่อมต่อยานยนต์กับการใช้งานด้านอื่นอีกมากมายในอนาคต ได้แก่ การเชื่อมต่อข้อมูลกับผู้โดยสารหรือผู้ให้บริการ การเชื่อมต่อกับคนเดินเท้าหรือยานยนต์คันอื่น รวมถึงป้ายสัญญาณไฟจราจร ตลอดจนการรายงานอุบัติเหตุบนเส้นทาง ที่ทำให้การเดินทางสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ประโยชน์ที่ได้รับจากการพัฒนา “ยานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ”
- ต้นแบบรถบัสไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ 5G ที่จะมีการนำไปทดลองวิ่งบริการนักท่องเที่ยวในพื้นที่ของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ 31 มกราคม 2567 เป็นต้นไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 แล้ว
- เตรียมความรู้และบุคลากรเพื่อให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านอีกขั้นจาก “ยานยนต์ไฟฟ้า” สู่ “ยานยนต์เชื่อมต่อและขับเคลื่อนอัตโนมัติ”
- ต่อยอดการวิจัยและพัฒนายานยนต์ให้เหมาะสมกับประเทศไทย
- การทำโครงการฯ ดังกล่าว ทำให้เห็นทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และข้อจำกัด ในด้านนโยบาย ด้านมาตรฐาน และด้านอื่นๆ ของประเทศไทยในการพัฒนา “ยานยนต์เชื่อมต่อและขับเคลื่อนอัตโนมัติ” ซึ่งถือเป็นยานพาหนะเพื่อการเดินทางสมัยใหม่
- ผลักดันให้ภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม ได้หันมาให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้อย่างจริงจังยกระดับการท่องเที่ยวไร้มลพิษไปอีกขั้นอย่างแท้จริง
ทดลองวิ่งให้บริการรถบัสไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
31 มกราคม 2567 - 1 กรกฎาคม 2567 จะมีการทดลองวิ่งให้บริการรถบัสไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ในเส้นทางรอบบึงพระราม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา วันศุกร์ - วันอังคาร เวลา 09.00 – 17.00 น.
เรียกรับบริการ ผ่านแอปพลิเคชัน “5G Auto Bus” ได้ ณ ป้ายจอดรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับ 4 แห่ง รอบบึงพระราม ได้แก่
- ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นเมืองพระนครศรีอยุธยา
- วัดมหาธาตุ
- วัดธรรมิกราช
- วัดพระราม
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ศูนย์วิจัย Mobility and Vehicle Technology Research Center มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โทรศัพท์ 02-470-9637 หรือ 092-465-8936 อีเมล์ [email protected] https://move.kmutt.ac.th

เงินเดือนข้าราชการ 2568 เริ่มปรับฐานใหม่วันไหน ขึ้นกี่บาท

"กัน จอมพลัง" ขอบคุณ "เต้" ที่ห่วงใย ยันไม่กลัว พร้อมลุยเคสต่อเอง

สธ. เตือน ปี 68 ผู้ติดเชื้อ HIV ใหม่ใกล้หมื่น ดับแล้วกว่า 1 หมื่นราย

สุดทน "บุ๋ม ปนัดดา" ฟาดเดือด หลังโดนแซะสร้างภาพยืนชี้นิ้ว
