วันที่ 27 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานบิ๊กโจ๊ก ยัน จับกุม "นักข่าวสาว" ทำหน้าที่ประสานงานกับทางการจีน แอบอ้างชื่อตนเอง เรียกรับเงิน 33 ล้านจาก "นวพร" ผู้ต้องหาแก๊งอุ้มบุญชาวจีน ยันแม้เป็นคนรู้จักก็ไม่มีละเว้น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เปิดเผยว่าหลังจากมีการจับกุมดำเนินคดี น.ส.นวพร ภาเกียรติสกุล อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่เป็นตัวการใหญ่คดีอุ้มบุญ และเรื่องการได้สัญชาติโดยผิดกฎหมาย และความผิดคดีอาญาฐานฟอกเงิน เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา
จากการสอบปากคำ น.ส.นวพร ได้ให้การเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีคนแอบอ้างชื่อของตนเอง เข้าไปเรียกเงินกับ น.ส.นวพร จำนวน 33 ล้านบาท แต่จ่ายไป 14 ล้านบาท มีการกล่าวอ้างว่าจะช่วยเหลือคนจีนต่างๆที่เป็นอาชญากรจีน
ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่าคนที่ไปเรียกรับเงินก็เป็นผู้สื่อข่าวที่ตนเองช่วยให้ประสานกับทางการจีนอยู่ โดยเป็นคนสัญชาติไทยเชื้อสายจีน จากนั้นตนเองได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลอนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐานเรียกรับหรือยอมจะรับผลประโยชน์ใดๆ เพื่อให้เจ้าพนักงานของรัฐกระทำการใดที่ไม่ปฎิบัติตามหน้าที่ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หลังจากที่ศาลอาญารัชดาได้อนุมัติหมายจับเจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวตั้งแต่เมื่อวาน ( 26 พ.ค.) ที่ผ่านมาแล้ว
โดยถูกจับบริเวณลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังและ ให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน พร้อมยื่นขอประกันตัว พนักงานสอบสวน อนุญาตได้ประกันตัวได้ในวงเงิน 3 ล้าน 5 แสนบาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าใครก็ตามที่แอบอ้างชื่อของตนเอง ไปเรียกรับผลประโยชน์หรือใช้ชื่อตนเองไปทำความเสียหาย จะต้องถูกจับกุมดำเนินคดีทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นคนใกล้ชิดหรือรู้จักกัน หากกระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเเป็นบรรทัดฐานเดียวกันหมดไม่มีละเว้น