กระทรวงการคลังเตรียมปรับ รัศมีใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น
จาก เว็บไซต์ thaitv5hd รายงานว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่าโครงการดังกล่าวจะทำให้ประชาชนเกิดการใช้จ่ายกันอย่างคึกคักภายใน 1-2 สัปดาห์แรกที่เริ่มดำเนินฏครงการ และมีโอกาสที่จะใช้จนครบวงเงิน 10,000 บาทด้วย
สำหรับเงื่อนไข และรายละเอียดโครงการต่างๆ เช่น การกำหนดให้ใช้จ่ายกับร้านค้าในรัศมี 4 กิโลเมตร ตามที่อยู่ในทะเบียนบ้านนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาถึงความเหมาะสม พร้อมยืนยันว่ารายละเอียดและเงื่อนไขจะมีการกำหนดให้มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการใช้จ่ายของประชาชน โดยจะต้องหารือถึงแนวทางต่างๆ กับหน่วยงานที่รับผิดชอบด้วย
"ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มีการหารือกับทุกฝ่าย เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน โดยเฉพาะเงื่อนไข เรื่องการกำหนดใช้จ่ายกับร้านค้าในรัศมี 4 กิโลเมตร จะมีการปรับให้ยืดหยุ่นมากขึ้น ยังไม่อยากให้ทุกฝ่ายต้องกังงวล อยากให้รอดูก่อน" นายจุลพันธ์ กล่าว
ส่วนแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ดำเนินโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท วงเงิน 5.6 แสนล้านบาทนั้น มีการกล่าวถึงหลายๆ ช่องทางที่จะนำมาใช้ เช่น นำมาจากประมาณของรัฐบาลทั้งหมด จากการจัดเก็บรายได้ที่สูงกว่าเป้าหมาย รวมถึงการหยุดจ่ายเงินในส่วนท็อปอัพในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งหลายส่วนจะทยอยหมดอายุลง ตรงนี้ก็จะไม่มีการต่อให้ และจะดึงวงเงินมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแทน
ส่วนเงินอุดหนุนที่ผู้ถือบัตรจะได้คนละ 300 บาทนั้น ยังได้ตามปกติ เนื่องจากมีการกันวงเงินงบประมาณไว้เรียบร้อยแล้ว และอีกส่วนที่อยู่ระหว่างการหารือคือการใช้วงเงินตามมาตรา 28 ตามกรอบพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลัง แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการดึงเงินของรัฐวิสาหกิจมาใช้แน่นอน รวมถึงไม่เคยมีการหารือถึงการขายหุ้นกองทุนรวมวายุภักษ์เพื่อมาใช้ในโครงการดังกล่าวด้วย โดยรายละเอียดทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการหารือ แต่มีช่องที่จะดำเนินการได้อย่างแน่นอน
สำหรับการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น เบื้องต้นได้รับการยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ และไม่จำเป็นต้องมีการออกเกณฑ์ หรือแก้เกณฑ์อะไร เนื่องจากเป็นการจ่ายเงินผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน และเงินที่อยู่ในดิจิทัลวอลเล็ตนั้นก็มีมูลค่าสิทธิ์เทียบเท่ามูลค่าเงินบาท คือ 1 บาทดิจิทัล เท่ากับ 1 บาท และดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลดำเนินการ ก็ไม่ใช่สกุลเงินดิจิทัล จึงไม่สามารถนำไปเก็งกำไรได้