จากกรณีดราม่าดีเจภูมิ ที่เจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า
เมลเบิร์นขายส้มตำจานละ 600 จิ้มจุ่มหม้อละ 1000 คนยังเข้าแถวต่อคิวกันถึงเที่ยงคืน… โชคดีขนาดไหนเกิดมาเป็นคนไทย
จนทำให้เรื่องราวดังกล่าว เกิดประกระแส จนมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย จนเจ้าตัวต้องออกมาชี้แจงระบุว่า
ตื่นเช้ามาเจอดราม่าจากโพสต์เมื่อคืนที่เขียนว่า “เมลเบิร์นขายส้มตำจานละ 600 จิ้มจุ่มหม้อละ 1000 คนยังเข้าแถวต่อคิวกันถึงเที่ยงคืน… โชคดีขนาดไหนเกิดมาเป็นคนไทย … ตอนแรกก็แอบตกใจอยู่ อยู่นะครับ ว่าเราไปเขียนว่าใครรึเสียดสีใครรึเปล่า?..
แต่พอมาอ่านข้อความ ก็พอจับใจความได้ว่า หลายๆคนอาจไม่พอใจเพราะ 1. คิดว่าผมโอเคกับ สถานการณ์บ้านเมืองรวมไปถึงการบริหารจัดการประเทศและวิถีชีวิตของประชาชนทุกวันนี้.. ผมไม่โอเคเลย แล้วก็โฟสข้อความ แสดงจุดยืนมาหลายครั้งแล้วนะครับ 2. อันนี้ผมผิดเอง ผมเขียนไม่ครอบคลุม ผมแค่รู้สึกดีใจที่ บ้านเรามีร้านอาหารอีสาน สไตล์บ้านๆ เหมือนที่เมลเบิร์นมากมาย อร่อย บรรยากาศดี ราคาไม่แพงมาก.. ผมไม่ทันได้คิดถึง ค่าครองชีพ หรือ สวัสดิการต่างๆ ของเค้าที่ดีกว่าบ้านเราเยอะ..
ถ้าผมทำให้ใครรู้สึกไม่ดีก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาจะมาว่าใครอยู่แล้วครับ ใจผมอยากให้กำลังใจชาวบ้านด้วยซ้ำว่าอาหารอีสานบ้านเราโด่งดังไปไปทั่วโลกแล้ว.. ผมควรจะเขียนว่า “เมลเบิร์นขายส้มตำจานละ 600 จิ้มจุ่มหม้อละ 1000 คนยังเข้าแถวต่อคิวกันถึงเที่ยงคืน… โชคดีขนาดไหนประเทศเรามีร้านเด็ดๆแบบนี้เต็มเลย”… ความหมายที่ผมคิดมันคือประมาณนี้แหละครับ ต้องขออภัยที่สื่อสารออกไปไม่ดีครับ
ล่าสุด ดีเจภูมิ ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า
วันนี้ผมขอมอบหมายให้ทีมทนายผม @Kong Thuaphu ดำเนินคดีขั้นสูงสุดกับ “ทุกๆข้อความ” ที่ได้โพสต์กันเข้ามาในลักษณะของการดูหมิ่นและหมิ่นประมาท กับเหตุการณ์ดราม่าครั้งล่าสุดนี้นะครับ… ผมคิดว่าคนเราคิดต่างได้ แล้วก็สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ รวมไปถึงติชม แนะนำตักเตือนอย่างสร้างสรรค์.. แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องมีขอบเขตและมีกฎกติกาของมัน.. คุณไม่สามารถตีความหมายไปในทางที่คุณคิดขึ้นมาเองซึ่งมันส่งผลทำให้ผู้อื่นถูกเหยียดหยาม เกลียดชัง แล้วก็เกิดความเสียหาย.. สำนักข่าวที่พาดหัวข่าวในเชิงทำให้สังคมเข้าใจผิด บุคคลทั่วไปที่เอาไปโพสต์แชร์ ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ทั้งหมดนี้คือคดีอาญา มีโทษจำคุกหรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับนะครับ
ผมเป็นคนที่เป็นดราม่าบ่อยมาก หลายๆครั้งมันก็เกิดขึ้นจากการพาดหัวข่าวในทางที่จงใจปั่นให้สังคมเข้าใจผิด ส่วนคนที่เสพข่าวหลายๆท่าน ก็อาจมันมือกันจนเกินไปจนไม่คำนึงถึงเจตนาที่แท้จริงแล้วก็จิตใจของผู้ที่โดนกระทำเลย.. รอบนี้ผมเลยขอปกป้องสิทธิของผมนะครับ เราอาจเริ่มสร้างบรรทัดฐานใหม่ๆกันในสังคมก็ได้ว่า “ทุกคนที่อยู่หลังคอมมีความรู้สึก เราไม่สามารถที่จะพิมพ์อะไรก็ได้ตามใจเราได้อีกต่อไปแล้ว”… แต่ละคดีของแต่ละท่านก็จะแตกต่างกันไปแต่ โดยเฉลี่ยผมจะเรียกท่านละ 300,000บาท ไม่รับการขอโทษ ส่วนเงินที่เหลือเดี๋ยวผมจะเอาไปช่วยสังคมตามสไตล์แหละครับ ขอบคุณครับ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ tnews.co.th