จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ "หมอริท เรืองฤทธิ์" ได้เคลื่อนไหวถึง "โตโน่ ภาคิน" ที่ได้ปฏิบัติภารกิจว่ายข้ามแม่น้ำโขงสำเร็จ เพื่อระดมทุนจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลทั้งสองฝั่งโขง รพ.นครพนมของไทย และ รพ.แขวงคำม่วน สปป. ลาว ระบุว่า
"ยินดีด้วยกับการ #ว่ายน้ำข้ามโขง ของพี่ #โตโน่ภาคิน ในวันนี้นะครับ ที่ปลอดภัย และได้รับเงินบริจาคจำนวนมาก อย่างแรกต้องขอขอบคุณในน้ำใจ และความเสียสละของพี่ที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ คนที่พร้อมจะเสียสละเพื่อคนอื่นแบบพี่ ไม่ได้หาได้ง่ายเลย นับถือใจจริงๆ
ในบทสัมภาษณ์มีหลายครั้งที่พี่พูดว่า ที่พี่มาว่ายน้ำครั้งนี้ เพราะหมอ และพยาบาลเค้าเหนื่อยกว่า เสี่ยงกว่า เลยอยากขออนุญาตฝากมุมมองไว้ซักนิดครับ เผื่อพี่อาจจะลืมมองเหตุผลพวกนี้นะครับ (ไหนๆ คนก็สนใจโครงการพี่เยอะแล้ว)
1. ต่อให้พี่ว่ายน้ำข้ามโขงเป็น 10 รอบ ได้เงินบริจาคมากกว่า 1,000 ล้าน หมอ พยาบาล เค้าก็เหนื่อยเท่าเดิมครับ ขอยกตัวอย่างในฝั่งของหมอนะครับ ระบบสุขภาพของประเทศไทยคือ ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า แปลว่า คนไทยจะป่วยยังไง ก็มีการรักษารองรับ
(ซึ่งจริงๆ ดีกับคนไทยในบางมุมนะ เช่น คนจนมีสิทธิ์เข้าถึงการรักษา แต่ข้อเสียก็คือ คนไทยไม่ใส่ใจสุขภาพ เกิดปัญหา เช่น ติดเหล้า ติดบุหรี่ และเกิดปัญหาสุขภาพตามมา ทำให้คนต้องมาโรงพยาบาลกันเยอะ) ซึ่งทำให้หมอต้องทำงานหนัก แต่ยังได้ค่าตอบแทนเท่าเดิม
ซึ่งทุกวันนี้หมอไทยยังต้องทำงานเกินเวลาตามระเบียบกำหนด ทำให้เกิดภาวะสมองไหล หมอๆ ก็ออกนอกระบบโรงพยาบาลรัฐกันหมด หมอก็น้อยลง งานก็ยังหนัก ผลิตหมอเท่าไหร่ก็ไม่พอ ก็วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ ถึงบอกว่าเงินบริจาคเยอะแค่ไหน ก็ไม่ได้ช่วยให้หมอหายเหนื่อยครับ
2. พี่บอกว่าหมอพยาบาลเสี่ยง คำถามคือ แล้วใครปล่อยให้หมอพยาบาลทำงานภายใต้ความเสี่ยง? ถ้ารู้ว่าเค้าทำงานแบบเสี่ยงอยู่ ทำไมผู้มีอำนาจโดยตรงถึงมองไม่เห็น และไม่สามารถจัดการปัญหานั้นโดยเร่งด่วนได้ หรืองบประมาณไม่เพียงพอ แล้วถ้างบไม่พอจริงๆ ทำไมไม่รายงานขึ้นไป ทำไมต้องรอเงินบริจาค?
ส่วนตัวมองว่า การบริจาคไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีนะครับ แต่ที่มา หลักการ จุดประสงค์ของโครงการ และการนำเงินไปใช้ต้องชัดเจน รวมถึงควรสนับสนุนการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไปในตัวด้วยครับ ถ้าพี่สื่อสารจุดนี้ได้ด้วย คิดว่าคนไม่เห็นด้วยน่าจะน้อยลงนะครับ และทำให้โครงการของพี่ดูมีเหตุสมควรมากขึ้น"
ล่าสุด "หมอก้อง สรวิชญ์" ก็ได้ออกมาสวนกลับ "หมอริท" ระบุว่า "พูดเพื่อ ??? หวังดีเหรอ มันใช่เวลามั้ย ใครทำอะไรได้ก็ช่วยกันสิ จะรอคนโน้นคนนี้มาทำทำไม คนมีหน้าที่หลัก ๆ เค้าก็ทำอยู่ ไม่ใช่ไม่ทำ อย่าอคติ เพียงแต่อาจจะทำได้ยังไม่ถึงระดับที่น้องพอใจ ก็นี่ไง... ก็มีคนมาช่วยเท่าที่เขาทำได้อยู่นี่ไง จากหนึ่งคนเป็นหลาย ๆ คน ช่วยกันบริจาค ก็การบริจาคเป็นทางที่พวกเขาสามารถช่วยได้ไงเขาเลยทำ จะให้เขาไปแก้ไขโครงสร้างสาธารณสุขหรือไง
ไม่เห็นด้วยก็น่าจะเฉยไว้ คนที่เค้าทำ เค้ายอมเหนื่อยให้ส่วนรวม แม้คนที่ไม่เห็นด้วยกับกิจกรรม ด่าเค้าปาว ๆ ก็ยังได้ประโยชน์ไปด้วย เพราะเขาทำ "เพื่อส่วนรวม" จริง ๆ ผมก็ไม่ได้สนิทกับโตโน่ แต่ในฐานะแพทย์คนนึง กล้าพูดได้เต็มปากว่า หมอคนนี้เห็นสิ่งที่โน่ทำแล้วปลื้มใจ หายเหนื่อยครับ ยิ่งเห็นว่ามีคนร่วมบริจาคมาเยอะขนาดนี้ด้วย ยิ่งหายเหนื่อย มันหายเหนื่อยเพราะเห็นว่าในสังคมยังมีคนกลุ่มหนึ่ง ไม่เล็กด้วย ที่เห็นใจพวกเรา และอยากช่วยเหลือพวกเราด้วยวิธีที่พวกเขาทำได้ ขอบคุณมากครับ"
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews