เรียกได้ว่าเป็นข่าวช็อกวงการฮอลลีวูด จากกรณีข่าวอาการป่วยของ บรูซ วิลลิส (Bruce Willis) นักแสดงหนังแนวแอคชั่นระดับตำนาน แห่งวงการฮอลลีวูด ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็น "โรคสมองส่วนหน้าเสื่อม" (FTD) ทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงาน ทั้งเรื่องที่จำบทไม่ได้ ยิงปืนผิดคิว จนต้องถูกตัดบท ลดเวลาทำงาน และบางครั้งยังตั้งคำถามกลางกองถ่ายว่า "ผมมาทำอะไรที่นี่"
ล่าสุด ครอบครัวของ บรูซ วิลลิส ประกอบด้วย เอ็มมา เฮมมิ่ง ภรรยาคนปัจจุบัน , เดมี มัวร์ อดีตภรรยา และลูกสาวอีก 5 คน ได้แถลงผ่านเว็บไซต์ The Association for Frontotemporal Degeneration ระบุว่า
"ครอบครัวของเราขอเริ่มต้นด้วยการแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง สำหรับความรัก กำลังใจ และเรื่องราวอันยอดเยี่ยมที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างเหลือเชื่อ ที่พวกเราทุกคนได้รับนับตั้งแต่ร่วมแบ่งปันการวินิจฉัยโรคของบรูซ".... "ด้วยสปริตนั้น เราขอแจ้งข้อมูลอัปเดตที่เกี่ยวกับสามี พ่อ และเพื่อนอันเป็นที่รักของเรา เนื่องจากตอนนี้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่เขากำลังประสบอยู่"
บรูซได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองส่วนหน้าเสื่อม "Frontotemporal Dementia" หรือ FTD ซึ่งการเผชิญกับอาการของโรคมานาน 3 ปี ทำให้เขาต้องประกาศเกษียณตัวเองจากงานแสดง แต่ก่อนหน้านั้นเขาเล่นหนังที่ส่วนใหญ่เป็นแนวแอ็คชั่นถึง 22 เรื่อง แต่ทีมงานในกองถ่าย เริ่มสังเกตเห็น "ความบกพร่อง" ของเขา เช่น ยิงปืนผิดจังหวะในระหว่างการถ่ายทำ และต้องมีคนช่วยอ่านบทพูดให้ฟัง ขณะที่อาการแย่ลง
บรูซเล่นหนังมานานกว่า 70 เรื่อง ในช่วงทศวรรษที่ 1970 และประกาศถอนตัวจากการแสดงเมื่อปีที่แล้ว ขณะเริ่มมีอาการป่วยที่ทำให้ความสามารถในการสื่อสารเสื่อมถอยลง และฝ่ายบริหารของเขาก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการถ่ายทำฉากของบรูซจะต้องไม่เกิน 2 วัน และบรูซมักจะทำงานได้วันละไม่เกิน 4 ชั่วโมง ด้วยเพราะสุขภาพทรุดลงและอาการเริ่มปรากฎในกองถ่ายหลายเรื่อง
- White Elephant ปี 2022 : กลายเป็นหุ่นเชิด
ตอนที่ถ่ายทำ White Elephant ซึ่งมีกำหนดฉายเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2022 บรูซไม่ต่างจากหุ่นที่ถูกเชิด อาการที่แย่ลงทำให้บรูซออกอาการสับสน ในขณะถ่ายทำหนังต้นทุนต่ำเรื่องนี้เขาถึงกับถามทีมงานตรงๆ ว่าเขากำลังทำอะไรในฉากนั้น ทีมงานยังจำคำถามวนซ้ำๆ ของบรูซได้ดีว่า "ผมรู้ว่าทำไมพวกคุณมาอยู่ที่นี่ และผมรู้ว่าทำไมพวกคุณมาอยู่ที่นี่ แต่ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่"
White Elephant กำกับโดย เจสซี วี. จอห์นสัน ที่ร่วมงานกับบรู๊ซเมื่อหลายสิบปีก่อน ตั้งแต่บรูซยังเป็นสตั๊นแมน (stuntman) ซึ่งเขาบอกว่า "ตอนที่เข้าฉากจอร์เจียก็ชัดเจนว่า เขาไม่ใช่บรูซที่ผมจำได้"
ทีมงานบอกว่าบรูซมีความสุขดีตอนที่อยู่ที่นั่น แต่จะเป็นการดีที่สุดถ้าสามารถถ่ายทำเสร็จตั้งแต่เที่ยง และปล่อยให้เขากลับเร็วขึ้น หนึ่งในทีมงานที่เข้าใจความสับสนของบรูซตอนที่อยู่ในกองถ่าย บอกกับ LA Times ว่า เป้าหมายของพวกเขาคือ "ทำอย่างไรไม่ให้บรูซดูแย่"
ทีมงานรีบถ่ายทำส่วนของบรูซ และต่อมาก็ได้ยินบรูซถามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ในกองถ่าย ทีมงานคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า "มันไม่ได้น่ารำคาญ แต่มันเป็นเหมือนกับว่าเราจะทำยังไงไม่ให้บรูซดูแย่" มีคนเอาบทให้เขาแต่เขากลับไม่เข้าใจความหมาย ทำให้เขาดูเหมือนหุ่นที่กำลังถูกเชิด
จอห์นสันบอกว่า "หลังจากเจอประสบการณ์จาก White Elephant พวกเขาก็ตัดสินใจว่า จะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว เราทุกคนเป็นแฟนของบรูซ วิลลิส เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกผิดและท้ายที่สุดก็กลายเป็นการจบอาชีพที่น่าทึ่งอย่างแสนเศร้า ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาก็รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้"
- Hard Kill ปี 2020 : ยิงพลาด 2 ครั้ง
ทีมงานเห็นสัญญาณการลดลงของความรู้ความเข้าใจของบรูซ และมีแหล่งข่าวบอกว่าเขายิงปืนที่โหลดกระสุนปลอมพลาด 2 ครั้ง โชคดีที่ไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ บรูซมักจะมีผู้ติดตามคอยประกบในกองถ่าย คือ สตีเฟน เจ. อีดส์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรู้ใจเพราะทำงานร่วมกันมานาน และได้ค่าจ้างสูงถึง 200,000 ดอลลาร์ ต่อหนัง 1 เรื่อง
ในหนังเรื่อง Open Source มีนักแสดงที่บทน้อยอย่าง อดัม ฮูเอล พอตเตอร์ ได้รับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 4,150 ดอลลาร์ เพื่อคอยบอกบทให้เขาฟังผ่าน "earpiece" ในเดือนมกราคม ปี 2020 นักแสดงหญิงลาลา เคนท์ ที่จะรับบทเป็นลูกสาวของบรูซใน Hard Kill และมีฉากที่เขาต้องปกป้องเธอจากเหล่าร้าย ซึ่งตามบทเขาจะต้องส่งสัญญาณให้เธอหลบออกไปก่อนที่เขาจะยิง แต่บรูซกลับยิงออกไปเลยทำให้เคนท์ต้องยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น
เคนท์บอกว่าเธอจัดการในส่วนของเธอได้ หลังบรูซยิงพลาดครั้งแรก... "เพราะฉันหันหลังให้เขา ก็เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ครั้งแรกที่นะ... ก็แบบว่าไม่เป็นไร ถ่ายกันใหม่เถอะ" เคนท์ขอให้ผู้กำกับแมทท์ เอสคันดารี เตือนบรูซก่อนเริ่มถ่ายทำ ว่าให้พูดก่อนแล้วค่อยยิงแต่มันก็เกิดซ้ำ ทีมงานสองคนยืนยันว่าบรูซยิงผิดคิว โดยคนหนึ่งบอกด้วยว่าเราคอยตรวจสอบเสมอว่าไม่มีใครอยู่ในแนววิถีกระสุน เมื่อเขาถือปืน
- Out of Death ปี 2021 : ต้องตัดบทพูดของบรูซ
ไม่นานก่อนเริ่มถ่ายทำ ผู้กำกับไมค์ เบิร์นส ได้ส่งอีเมลถึงผู้เขียนบท บอกว่าให้ตัดบทพูดของบรูซออก 5 หน้า โดยบอกเพียงว่าให้สั้นและกระชับในการแก้บทใหม่ ซึ่ง LA Times รายงานว่าบรูซได้ค่าเหนื่อย 2 ล้านดอลลาร์ สำหรับการทำงาน 2 วัน โดยที่ต้องมีดาราที่คอยประกบเขา และคอยบอกบทผ่าน earpiece เพราะเขาจำไม่ได้ ส่วนฉากแอ็คชั่นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักแสดงแทน หนังเรื่องนี้ฉายเมื่อกรกฎาคม ปี 2021
- Wrong Place ปี 2022 : อาการเริ่มแย่
ผู้กำกับไมค์ เบิร์นส ได้กลับมาทำงานกับบรูซในเรื่องนี้ และกลายเป็นว่าเขาต้องคอยเป็นห่วงสุขภาพของบรูซ คนใกล้ชิดบรูซบอกว่าคราวนี้เขากลายเป็นคนละคนและดีกว่าเมื่อปีที่แล้ว แต่เบิร์นส์กลับพบว่าอาการของบรูซหนักกว่าเดิม และหลังถ่ายทำเสร็จเขาก็คิดได้ว่า "พอแล้ว เขาจะไม่ทำหนังกับบรูซอีกและรู้สึกโล่งใจที่บรูซได้พักบ้าง" หนังเรื่องนี้ฉายเดือนกรกฎาคม ปี 2022
- Paradise City ปี 2022 : พยายามทำอย่างดีที่สุด
เป็นหนึ่งในหนังเรื่องท้ายๆ ก่อนอำลาวงการ ผู้กำกับชัค รัสเซลล์ บอกว่าเขาตื่นเต้นที่ได้ทำงานกับบรูซ ด้านเทอร์รี มาร์ติน ผู้ควบคุมการผลิตหนัง White Elephant มองว่าบรูซดูหลงทาง และเขาคอยแต่พูดว่า "ผมจะทำอย่างดีที่สุด" เขาเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล เป็นแรงบันดาลใจ เป็นที่นับถือในเรื่องการฟิตร่างกาย แต่มันถึงเวลาต้องเกษียณแล้ว... หนังเรื่องนี้ฉายเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2022
- American Siege ปี 2020 : เห็นชัดว่าต้องใส่ earpieces
เขามีปัญหาในกองถ่ายหนังหลายเรื่องและมีภาพสวม earpiece เพื่อคอยฟังการบอกบท ในหนังเรื่อง American Siege และเขาออกอาการแบบนี้นาน 2 ปีเต็ม ก่อนที่ครอบครัวจะประกาศว่าเขาป่วย ร็อบ โกจ์ นักแสดงร่วม บอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นตำนานและเป็นสัญลักษณ์ของวงการ แม้จะเจอสถานการณ์แบบนี้แต่เมื่ออยู่หน้ากล้องคุณจะไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขา
ภาพจาก Bruce Willis
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews