เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นหน้าคร่าตาเธอคนนี้ผ่านจอทีวีกันบ้าง สำหรับนักแสดงสาวมากความสามารถจากทาง GMM สำหรับ ปุยเมฆ นภสร ที่นอกจากจะทำงานในวงการบันเทิงแล้ว เจ้าตัวก็ตั้งใจเดินตามความฝัน จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะแพทยศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ทุ่มเทตั้งใจเรียนหนักตลอด 6 ปี จนได้เป็นคุณหมอดั่งใจฝัน
แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2566 หมอปุยเมฆ หรือ แพทย์หญิงนภสร วีระยุทธวิไล ได้ตัดสินใจยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการ หลัจากที่งทำงานในรพ.รัฐ ได้ระยะหนึ่ง พร้อมให้เหตุผลระบุว่า "เห็นช่วงนี้กระแสข่าว intern ลาออกจากระบบกันเยอะ ขอพูดในฐานะคนที่เพิ่งตัดสินใจลาออกมาละกัน งานในระบบหนักจริง แต่ถามว่าอยู่ในระดับทนได้มั้ย ทนได้ ไม่ตาย แต่ใกล้ตาย เสียทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต วินาทีที่ตัดสินใจลาออก คือตอนนั้นวนmed อยู่เวรทั้งคืน มาราวน์เช้าต่อ ชาร์ตกองตรงหน้าเกือบ 40 คนไข้นอนล้นวอร์ดเสริมเตียงไปถึงหน้าลิฟต์ ภาพหดหู่มาก
แถมเหนื่อยและง่วง ราวน์คนเดียวทั้งสาย สต๊าฟมา 10 โมง เดินมาถาม "น้องยังราวน์ไม่เสร็จหรอ ต้องเร็วกว่านี้นะ" วินาทีนั้นตัดสินใจเลย ดอบบี้ขอลา คือเข้าใจว่างานมันเยอะ หนักทั้ง intern ทั้ง staff แหล่ะ (staffเองก็ไม่ไหว ลาออกก็เยอะ) และมันดูไม่มีทางออกให้กับปัญหานี้เลย รพ.ไม่มีแนวโน้มจ้างคนเพิ่ม ลดลงทุกปี บอกกระทรวงลดงบ คนทำงานหารหน้าที่กันจนไม่รู้จะหารยังไง เหมือนอยู่เป็นแรงงานทาสไปเรื่อยๆ อ่ะ ไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
อันนี้ตลกมาก ตอนนั้นรู้สึกอยู่ในจุดอ่อนแอสุดๆจนต้องเซลฟี่เก็บไว้ รูปแรก งานเยอะจนท้อ น้ำตาไหลอยู่หน้าคอมตอนดูแลปคนไข้ ไม่อยากให้คนเห็นว่าร้อง อายเค้า เลยหลบมาร้องในห้องน้ำหลังวอร์ด รูปสอง โมเม้นในทุกเช้า ถามตัวเอง สู้ 6 ปีเพื่อมาเจอสิ่งนี้หรอ จึงเกิดภาพ "หนูนิดไม่อยากไปทำงาน"
55 ถือว่าแชร์ให้ฟังละกัน มันก็มีทั้งคนที่ทนได้ กับทนไม่ได้ เราคงมี treshold ความเหนื่อยไม่สูงมาก ไม่ชอบการพักผ่อนน้อยแล้วมาทำงาน รู้สึกตัวเองจะทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพที่ดีเท่าที่ควร ก็คิดว่าถอยดีกว่า ไปหางานที่เหมาะกับเราข้างนอกทำดีกว่า ไม่เป็นข้าราชการก็ไม่ตายแก สู้"
ขอบคุณ @PuimekSter