อัพเดทล่าสุด วันที่ 22 มิถุนายน 2566 เมื่อเวลา 16.00 น. คณะแพทย์จากสถาบันโรคหัวใจโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ "คิตตี้ คริสติน่า" ภรรยา "เอส กันตพงศ์" และ เอ ศุภชัย ผู้จัดการดาราชื่อดัง ออกมาแจ้งข่าวดีว่า ปาฏิหาริย์มีจริง หลังจากเมื่อวันที่ 9 พค. ที่ผ่านมา เอส กันตพงศ์ ได้มีอาการกระวนกระวายจนหมดสติ ระหว่างหมดสตินั้นได้มีการหยุดหายใจไปด้วย โดยเบื้องต้นอาการตอนนี้ยังคงรักษาอยู่
โดยเบื้องต้นอาการตอนนี้ยังคงรักษาอยู่ ด้านคุณหมออชิริวินทร์เปิดเผยว่า ตนเองได้รับมอบหมายตัวแทนคณะแพทย์จากสถาบันโรคหัวใจโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยนับตั้งแต่ผู้ป่วยย้ายมาโรงพยาบาล ทีมแพทย์ของโรคหัวใจและเฉพาะทางได้เข้ามาร่วมตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาพบว่า เป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน การทำงานของหัวใจผิดปกติ คือการเต้นของหัวใจผิดจังหวะขั้นรุนแรง ณ ขณะนั้นคุณเอสอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างมาก หลังจากรักษาและให้ยาผู้ป่วยมีการตอบสนอง และค่อยๆลดการใช้เครื่องช่วยหายใจและพยุงชีพ วันที่ 22 มิถุนายน การทำงานของผู้ป่วยกลับมาใกล้เคียงปกติ แต่ยังคงดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้ชำนาญ
ขณะนี้การทำงานของไตกลับมาดีขึ้น ผู้ป่วยในการฟื้นตัวของภาวะรับรู้ และดีขึ้นตามลำดับ และฟื้นฟูในระยะยาวอย่างต่อเนื่องต่อไป ตอนนี้อยู่ในหอผู้ป่วยปกติและทำกายภาพบำบัด ณ ขณะนี้ตื่นแล้วสามารถรับรู้และสื่อสารได้ ในขณะนั้นที่เกิดเหตุจากการซักประวัติประมาณ 20 นาทีขึ้นไปที่หมดสติ และนับจากวันนั้นหมดสติไป 8 วัน อาการโดยรวมไม่มีภาวะวิกฤตใด ๆ หลงเหลือในตัวคนไข้แล้ว
ด้านภรรยาของเอส เปิดเผยว่า ตอนฟื้นขึ้นมาเขายังอยู่ในภาวะสับสน และเชื่อว่านี่คือปาฏิหาริย์ที่เอสฟื้นขึ้นมาได้ ขณะที่ลูกสาวน้องวาเลนติน่า สำหรับเด็กยากที่จะเข้าใจอยู่แล้วการที่จะเห็นพ่อตัวเองอยู่ในหอผู้ป่วยภาวะวิกฤต ประโยคแรกที่ได้มีการคุยกับสามี คุณคริสติน่าเปิดเผยว่า ที่รักพวกเราอยู่ตรงนี้ ส่วนสิ่งที่เยียวยาจิตใจของภรรยาคือ ต้องเป็นที่พึ่งเป็นหลัก และพยายามยึดลูกสาวครอบครัวเป็นหลัก ไม่แสดงความอ่อนแอต่อหน้าลูกสาวและคาดหวังว่าทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดีขึ้นตลอดเวลา
ส่วนประเด็นภาพที่เผยแพร่ออกไป คุณแม่เปิดเผยว่า ภาพนั้นเป็นภาพปัจจุบันของเอส เอศุภชัยบอกว่า ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง เห็นแล้วน้ำตาไหล หลังจากนี้จะเผยแพร่ภาพคุณเอสล่าสุดให้สื่อมวลชนได้ทราบ ส่วนการจะกลับมาทำงานนั้นจะต้องดูเรื่องของสุขภาพและปรึกษาแพทย์ รวมไปถึงการฟื้นฟูร่างกาย
ภรรยาฝาก ขอบคุณครอบครัวและทุกๆคนที่มีส่วนร่วมในวันนั้น และขอบคุณสำหรับกำลังใจทั้งหมดที่ส่งมา
และขอโทษที่ไม่ได้อัพเดทตลอดเวลา เพราะเมื่อเปลี่ยนสถานะจากคนของประชาชนเป็นผู้ป่วยวิกฤต และขอบคุณทุกความเข้าใจและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะ happy ending และจะออกมาอัพเดทในเวลาที่เหมาะสม