เรียกได้ว่ากระแสแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับละครช่อง 3 เรื่อง "พรหมลิขิต" ที่โกยเรตติ้งไม่แพ้ละครภาคแรกอย่าง "บุพเพสันนิวาส" โดยนำแสดงโดย "โป๊ป ธนวรรธน์" และ "เบลล่า ราณี" ซึ่งในภาคพรหมลิขิต จะมีการคลายปมตัวละครทีละตัวว่ามีจุดเริ่มต้นอย่างไรเหตุใดถึงต้องมาเกี่ยวข้องกัน ด้านผู้ชมก็คอยลุ้นไปกับตัวละครไปตามๆกัน เห็นได้จากเมื่อถึงวันจันทร์ - พุธ - ศุกร์ ถนนจะโล่งเป็นพิเศษเพราะคนไทยติดละครงอมแงมนั่นเอง
ล่าสุดทางด้าน กรุงเทพธุรกิจ ได้เผยบทสัมภาษณ์ของรอมแพง เจ้าของบทประพันธ์ "พรหมลิขิต" ที่ไปร่วมเสวนาในหัวข้อ จากบุพเพสันนิวาสสู่พรหมลิขิต พลังแห่งวรรณกรรมสู่ซอฟต์พาวเวอร์ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ที่หอสมุดแห่งชาติ
โดย รอมแพง ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะทำภาค 3 ว่า ภาค 3 เป็นไปได้ว่าจะมี แต่น่าจะทำเป็นละครได้ยากเพราะเป็นเรื่องราว 6 ภพ 6 ชาติ และต้องใช้ชื่อว่า "ภพชาติ" เพราะไม่ใช่เพียงแค่ประวัติศาสตร์ไทย แต่จะมีประวัติศาสตร์ยุโรปกลาง และมีเรื่องของการผูกเวรผูกกรรมกันมา ทำเป็นละครจะยากมาก หากจะขายอาจจะต้องเป็นงานฮอลลีวูดเท่านั้น
นอกจากนี้ รอมแพงกล่าวเสริมอีกว่า ตนมีความตั้งใจว่า เขียนเสร็จแล้วจะขายเป็นนิยาย และจะเอาไว้แจกในงานศพของตัวเอง ถ้าไม่ตายซะก่อนก็คงเขียนจบตามที่ตั้งใจ ส่วนเรื่องราวจะเป็นในเรื่องศาสนา การเวียนว่ายตายเกิด มีประวัติศาสตร์และตำนานยุโรปมาเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า ทำไมภาค 2 ถึงไม่เหมือนภาคแรก ที่เน้นประวัติศาสตร์มากกว่า รอมแพงบอกว่า ที่ภาคแรกเน้นประวัติศาสตร์ เพราะช่วงนั้นประวัติศาสตร์เยอะ แต่พรหมลิขิตจะใช้ช่วงเวลาตั้งแต่พระนารายณ์มหาราชสิ้นพระชนม์จนถึง 20 ปี
ซึ่งเป็นช่วงที่พระเอกอายุ 20 ปี เหมาะที่จะแต่งงานกับนางเอก และอีก 20 ต่อมาจะเป็นช่วงผลัดแผ่นดินพระเจ้าท้ายสระพอดี จึงใช้ประวัติศาสตร์เป็นไทม์ไลน์และแทรกนิยายในจินตนาการเข้าไป ซึ่งในบุพเพสันนิวาส จะพูดถึงขุนนางซะส่วนใหญ่ แต่ในพรหมลิขิต จะใช้ชนชั้นไพร่ ทาส นำเสนอมาก แต่ถ้าเล่นเอาความเป็นจริงมันจะเป็นเรื่องดราม่า เราอยากให้มันเป็นโรแมนติก คอมเมดี้ เลยเป็นอย่างที่เห็น
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ