เรียกได้ว่าหลังจากละครเรื่อง พรหมลิขิตจบ ก็ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตามมา แฟนๆที่ติดตามต่างดราม่าว่าเนื้อหาละครนั้นดูรวบรัดจนเกินไป เหมือนรีบใส่เหตุการณ์ต่างๆเข้ามาให้จบๆไป ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงกว่า แต่เนื้อเรื่องใน 25 ตอนที่ผ่านมาค่อนข้างยืดเยื้อไม่กระชับเท่าที่ควร ทำเอาแฟนละครหลายคนแอบผิดหวัง จนมีการนำไปเปรียบเทียบกับภาคแรกอย่างบุพเพสันนิวาส ที่ทำออกมาได้ดีตั้งแต่ต้นจนละครลาจอ
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวล่าสุดวันที่ 22 ธันวาคม 2566 ทางด้าน "รอมแพง" ผู้เขียนนิยายเรื่องพรหมลิขิตและบุพเพสันนิวาส ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ขอน้อมรับความผิดจากกระแสดราม่าที่เกิดขึ้น โดยระบุเอาไว้ว่า
ขอน้อมรับความผิดพลาดของนิยายพรหมลิขิต ที่ทำได้ดีที่สุดเท่านี้ และน่าจะไม่ดีพอที่จะทำเป็นละคร จึงทำให้ทีมละครโดนวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก รวมไปถึงความอ่อนด้อยในการตอบคำถามของพิธีกรและนักข่าวก็ยิ่งสร้างลำบากใจให้กับผู้เขียนบทและทีมละครที่ทำดีที่สุดแล้ว เป็นความผิดของดิฉันเองค่ะ
หลายท่านอาจจะไม่พอใจที่ทีมทำละครโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยที่ดิฉันเหมือนลอยตัวจากการวิพากษ์นั้น จากการที่ดิฉันพิมพ์และพูดอยู่เสมอว่า หลังขายเป็นละครแล้วแทบจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของทีมละครเลย นอกจากจะมีการขอคำปรึกษาจากทีมงาน และต้องให้เกียรติคนทำงาน เพราะศิลปะการนำเสนอของละครกับนิยายแตกต่างกัน
ซึ่งประโยคเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดิฉันพูดมาเป็น10 ปีในการไปเป็นวิทยากรทุกแห่ง จากการที่นิยายได้ทำเป็นละครมาหลายเรื่อง
แน่นอนว่าดิฉันไม่มีปัญหากับการดัดแปลงเพราะเข้าใจเป็นอย่างดีในศาสตร์ที่ต่างกัน แต่อาจจะมีความเสียดายในเนื้อหาหรือคาแร็คเตอร์ที่เปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่ความเสียใจที่ขายเป็นละครอย่างแน่นอน
ดังนั้นแบ่งความคิดเห็นที่ตำหนิจากความผิดหวังในสิ่งที่คาดหวังจากละครมาทางดิฉันได้เลยค่ะ เพราะถ้าไม่โดนตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์เสียบ้าง ก็จะไม่ทำให้เกิดการพัฒนา
ขอบคุณมากนะคะ
รอมแพง
ขอบคุณ รอมแพง