ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับงานฌาปนกิจ "เมฆ - วินัย ไกรบุตร" โดยเมื่อคืนวันที่ 26 มี.ค. 67 ที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง สาขาเลียบทางด่วนรามอินทรา มีคนในวงการบันเทิงจัดคอนเสิร์ต "เพื่อนมีไว้ทำไม?" ส่วนทางด้าน "เอ๋ อรชัญญาช์" ภรรยาของเมฆ เปิดใจว่า วันนี้ก็ดีใจแทนพี่เมฆนะคะ ถ้าเขายังอยู่เขาคงเป็นปลื้ม จริงๆ เขาก็รู้ว่าเพื่อนเขาเยอะ แต่เขาไม่รู้ว่าเพื่อนรักพี่เมฆมากแค่ไหน วันนี้ถ้ามองอยู่พี่เมฆก็คงจะดีใจค่ะ ก็เกินคาดนะ ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ค่ะ ก็มีกำลังใจค่ะ ที่ทำให้เห็นว่าพี่เมฆไม่ต้องเสียใจแล้ว และถ้ายังอยู่ ถ้ายังได้ยิน ก็อยากให้รู้ว่าให้ไปอย่างมีความสุข เพราะพวกเราก็จะใช้ชีวิตของพวกเราอย่างดีที่สุดเหมือนกัน
ที่ "น้องมาร์ค" ขาสั่นขึ้นร้องเพลง ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ อันนี้เกินคาดค่ะ เป็นเวทีใหญ่ครั้งแรกเลยค่ะ เขาก็ตื่นเต้นมาก เพราะก่อนจะขึ้นเวทีเขาสั่น เขาตื่นเต้นมาก เขาไม่คิดว่าเวทีจะใหญ่ขนาดนี้ และเจอคนเยอะขนาดนี้ เขาชัดเจนตั้งแต่เล็กๆ เลย จริงๆ พี่เมฆอยากให้เขาเป็นนักแสดง พี่เมฆก็เป็นโค้ชแอ็กติ้งให้ตั้งแต่เขายังเล็กๆ ก็จะมีคลิปที่พี่เมฆสอนลูกแอ็กติ้งอยู่ แต่เขาบอกพ่อว่าเขาไม่ชอบเลย เขาอยากเป็นนักร้อง เขารู้สึกว่าเขามีความสุขเวลาเขาร้องเพลง เอ๋เห็นวันนี้ก็เกินคาด ไม่คิดว่าวันนี้เขาจะร้องได้ดี
และคนที่ฟังอยู่และชื่นชมในตัวพ่อเขาก็ส่งผลมาชื่นชมลูกด้วยค่ะ ทางด้าน "หนุ่ม คงกระกัน" เขาเป็นห่วงมาก จริงๆ ไม่ใช่พี่หนุ่มคนเดียวหรอก ทั้ง "โตโน่ ภาคิน" และหลายๆ คนที่มาคุย เขาก็กลัวว่าหลังจากช่วงยุ่งๆ นี้มันก็จะเป็นช่วงที่เงียบ เขาก็กลัวว่าเราจะดิ่ง แต่อยากจะบอกว่าเราไม่ดิ่งหรอก เพราะเรามีเป้าหมาย คือจะร้องไห้วันที่เผาพี่เมฆเป็นครั้งสุดท้าย และจะพยายามไม่ร้องแล้ว ลอยอังคารเมื่อเช้าที่ผ่านมา ก็ได้ส่งเขาเป็นครั้งสุดท้าย น้องเมิร์ช น้องมาร์ค น้องแมม ก็เห็นคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ทุกคนก็อยากให้พ่อเขาไปสู่ภพภูมิที่ดีค่ะ จริงๆ ไม่อยากหยุดเหนื่อยนะ เพราะถ้าหยุดเหนื่อยก็ต้องอยู่คนเดียว ก็อยากจะให้มันยุ่งๆ เข้าไว้ค่ะ ก็ต้องลุยงานทำงานไป ตอนนี้ก็มีจะเปิดบริษัทเพิ่มนะคะ แล้วก็มีโรงงานผลิตอาหารเสริม ผลิตเครื่องสำอาง
และกำลังดูเกี่ยวกับการส่งออกอยู่ค่ะ กำลังคุยกันไว้หลายทีมพอสมควร เพราะจริงๆ แล้วเป็นแพลนที่เอ๋วางไว้ก่อนที่พี่เมฆจะไป แต่เอ๋ยังไม่ได้คุยกับเขา เพราะเห็นว่าเขายังไม่ได้อยู่ในโหมดที่คุยกับเราได้ แต่ก็วางแผนไว้ก่อน เพราะเอ๋รู้ว่าช่วงนั้นเราต้องแบกรับค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ เอ๋ก็อยากจะให้เขาภูมิใจและให้เขากลับมาแข็งแรงได้เร็ว แต่มันก็กลายเป็นว่าเขาจากไป แต่เราก็ยังต้องสานต่อค่ะ
จริงๆ เป็นเรื่องหนี้สินมากกว่าค่ะ เพราะเรื่องการศึกษาของลูกๆ เอ๋มองว่าถ้ายังทำงานต่อไปก็ยังสามารถเก็บเงินส่งลูกเรียนได้ แต่ในส่วนหนี้สินของพี่เมฆ เอ๋ก็อยากจะเคลียร์ให้มันสะอาด จริงๆ ปีนี้ก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าถ้าเป็นไปได้จะเคลียร์หนี้เขาให้หมด ก็ประมาณ 7-8 ล้านค่ะ ก็อยากจะเคลียร์ให้หมดภายในปีนี้ค่ะ จริงๆ คนเรามันต้องมีเป้าหมายก่อน และเราก็จะรู้สึกว่าเราต้องทำมันให้สำเร็จ
มันเป็นก้อนที่พี่เมฆเขาก็รู้อยู่แล้ว เพราะเขาเป็นคนเอ่ยปากหยิบยืมมา และเป็นส่วนที่เขาใช้รักษาตัวเอง จากการที่ต้องซื้อพวกอุปกรณ์ต่างๆ ถ้าเคยไปสัมภาษณ์ที่บ้านก็จะเห็นว่าอุปกรณ์พี่เมฆ ค่อนข้างเยอะและใช้เปลือง แต่เราก็ต้องเน้นความสะอาด เพราะที่ผ่านมา 5 ปีเขาไม่เคยติดเชื้อเลย อย่างของใช้ของเขาทั้งหมดเอ๋ก็ซักด้วยน้ำร้อนหมด อาบน้ำ ทำแผลเขา พวกน้ำเกลือก็ใช้วันนึงเป็นลังๆ เรามั่นใจเลยว่าการดูแลของเรา เขาไม่มีทางติดเชื้อ แต่ที่ติดเชื้อที่ผ่านมามันเป็นเพราะว่าเขาไปลอกหนังตัวเองออกหมด