จากกรณี ต้อม รัชนีกร พันธุ์มณี ดารานักแสดงชื่อดัง ได้ยื่นฟ้องร้อง นางสาวปิ่น เลอลักษณ์ พิศพรรณ เจ้าของโรงพยาบาลเลอลักษณ์ เป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ปิ่น เลอลักษณ์ ได้ออกมาโพสต์คลิปผ่าน TikTok pinny533 ระบุว่า
"พี่ได้รับหมายศาลมาจริงๆ จากคุณ ต้อม รัชนีกร ฟ้องพี่มา ฟ้องโรพยาบาล ฟ้องหมอ พี่ได้รับมาจริงๆ ถึงได้กล้าเอามาพูด ฟ้องมา 50 ล้านบาท พี่เหนื่อยและหนักมากอยู่แล้ว" ตามที่เสนอข่าวไป
โดยเรื่องเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจาก ต้อม รชนีกร ได้ตัดสินใจทำศัลยกรรมผ่าตัดใบหน้าใหม่ในวัย 52 ปี แต่หลังจากนั้นได้เกิดความผิดพลาด ทำให้มีการเดินหน้าฟ้องร้องสถาบันเสริมความงามดังกล่าว จำนวนทุนทรัพย์ 50 ล้าน โดยจะฟ้องโรงพยาบาลและคุณหมอที่ทำการคนผ่าตัด
ล่าสุด ต้อม รชนีกร และ เชอร์เบท กันต์กนิษฐ์ โอฬาฬาร ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ได้มีการออกมาแถลงข่าวถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งทาง ต้อม รชนีกร อธิบายว่า ต้องขออนุญาตว่าอาจจะนิสัยไม่ดีนิดนึงที่ได้มีการอัดเสียงของเขาไว้ เพราะว่าที่ผ่านมาที่มีเรื่องจะออกจากโรงพยาบาลมา มันมีการตกลงที่มันไม่ตรงกัน พูดทีทำทีอยู่อย่างนี้ แล้วมันก็เลยมีความรู้สึกว่า ถ้าเราไม่อัดไว้ คนก็จะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรและตัวเขาเองก็จำไม่ได้ว่าเขาพูดอะไรขึ้นมา ถูกไหมคะ เราก็เลยให้รู้มาว่า เขาพูดขึ้นมาว่าเขาไม่เคยออกข่าวไม่เคยออกสื่อ ไม่เคยส่งข่าวอะไรใดๆ เลยแม้กระทั่งผู้จัดการที่ทางโรงพยาบาล ที่ผู้จัดการของแม่โทรไปถาม หรือไลน์ไปถาม
ทั้งนี้ ต้อม รชนีกร ยืนยันว่า ได้มีการตกลงกับทางคลินิก แต่ว่าการตกลงของเขา เขาไม่ได้ทำตามอย่างที่เขาตกลงและเขาก็ละเมิดจากเราตั้งแต่เริ่มแรกที่เขาเอาภาพไปลงแล้ว ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เดินหน้าฟ้องร้องในครั้งนี้ก็คือ ตอนแรกได้มีการพูดคุยกันไว้ก่อนที่เราจะออกจากโรงพยาบาลเลย ว่าเรื่องการส่งข่าวใดๆ รอให้พี่ต้อมสวยก่อน แล้วเราค่อยทำเรื่อง
หลังจากนั้นมีวันเกิดของเราที่จะเห็นว่าไปหน้าคล้ายแอนนา ทีวีพูล ก็เริ่มมีกระแสหลายอย่าง และก่อนหน้านี้เขาก็เคยออกมาพูดเหมือนกันว่าต้อมใช้ชีวิตลำบากมากไม่งั้นจะให้ผ่าหน้าเหรอ ต้องมีการติดสติกเกอร์ เราก็เลยมีความรู้สึกว่าถ้าปล่อยพูดไปจะมีการพูดไปเยอะแยะมากมายก่ายกอง นอกจากภาพที่คุณทำหลุด
ตั้งแต่เริ่มแรกที่เราได้มีการคุยกันไว้เอาไว้เรียบร้อยแล้วว่า หลังจากนี้ไปเราต้องตามสัญญานะ จะต้องคุยกันทั้งสองฝ่ายก่อนแล้วค่อยนำเสนอ พอดีมีภาพวันเกิด ต้อมก็ยอมให้ถ่ายเพราะแม่คิดว่าคลิปวันเกิดเขาคงจะเอาไปใช้รวมตอนที่เราสวยแล้ว แต่หลังจากวันเกิดเขาลงคลิปเลย การลงคลิปครั้งนี้เป็นคลิปที่เขาไม่ได้ขออนุญาตเรา ตามที่เขาได้พูดเอาไว้ก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล
ทำให้เกิดกระแสมากมายว่าหน้าเหมือนคนนู้นคนนี้ หลังจากนั้นรายการคุยแซ่บ show ก็เอา ต้อม ไปออกรายการ แล้วเขาก็ไปโพสต์คลิป ว่าไปพูดให้เขาเสียหาย ซึ่ง ต้อม ก็ไม่เข้าใจว่าไปพูดให้เขาเสียหายตรงไหน เขาไปออกคลิปประมาณว่า เกี่ยวกับเรื่องศัลยกรรมที่ทำมาเยอะแยะมากมาย แล้วก็ไปหาเขา เพื่อให้เขาแก้ให้
ต้อมไม่เข้าใจว่า ใช้ประโยคนี้มันใช้ได้เหรอ คือเบี่ยงเบนทุกอย่างเลย พอ ต้อม ไปออกรายการเสร็จแล้วเขาก็โทรมาคุยส่วนตัว แต่ไม่ได้คุยกับต้อม เขาโทรไปหาแฟนว่า พี่ไม่เคยรู้เลยค่ะว่าน้องต้อมมีงาน เป็นงานสกินที่ถูกยกเลิกไป ซึ่งจะบอกไม่รู้ก็ไม่ได้ เพราะเราบอกว่า มีการแต่งภาพ ฝ้ากระก็มาแบบนี้แล้วอย่างนี้คืองานของหนูเสีย แล้วเขามาคุยกับแฟนพี่ทีหลังว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีงานสกินแล้วก็มาขอโทษ
ทั้งนี้ ต้อม ยังบอกอีกว่า มันไม่ใช่แค่การเจรจาไม่ลงตัว แต่การเจรจาไม่ลงตัวมันเริ่มตั้งแต่แรกมากกว่า แต่พออยู่มาสักพักเราถึงรู้ว่ามันเกิดความต่างหลังจากนี้ มันไม่ใช่แค่นี้แต่มันเกิดตั้งแต่ระยะเวลาเดือนธันวาคม ไปจนถึงปัจจุบันนี้ เราไม่เคยออกสื่อ เราไม่เคยไปใดๆ ทั้งสิ้น แต่ ณ ตอนนี้เราอยู่นิ่งไม่ได้ เพราะความพิการเกิดขึ้น
ความบกพร่องเกิดขึ้น การงานมีปัญหาเกิดขึ้น คุณไปบอกกับทุกคนว่าไม่เห็นเขาเป็นอะไรไม่เห็นมีอะไรความสวยก็ประจักษ์อยู่แล้ว คือถ้าไม่สวยทุกคนต้องเข้าใจนะว่าเรามีงานเราก็ต้องออกงาน เราจะออกไปในหน้าพิการ หน้าสดๆ ให้คนเขาเห็นหรือ เราก็คงยังต้องทำธุรกิจอยู่ คือจะพูดในเวลาแบบนี้มันไม่ใช่ ซึ่งการฟ้องในครั้งนี้คือเพื่อปกป้องตัวเองด้วย