วันที่ 6 ก.ค. 2567 มีรายงาน "ปู มัณฑนา" ถูกส่งโรงพยาบาลด่วน สาเหตุจากความเครียดสะสมจากกระแสข่าวโจมตีไม่หยุด กรณีที่ถูก "ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี" อดีตลูกน้อง กล่าวหาว่ากู้ยืมเงิน 2 ล้านบาทแล้วไม่ยอมคืน และทนายฝ่ายตรงข้ามไลฟ์ด่าต่อเนื่อง
แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่า ปู มัณฑนา มีอาการเครียดหนัก หลังโดนกระแสโจมตีทุกช่องทาง ส่งผลถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรง จนต้องเข้าโรงพยาบาล
ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมาได้นำหลักฐานการโอนเงินของทั้ง ลูกหมี และ ปู ออกมาชี้แจ้งถึงการกู้ยืม และการใช้หนี้ และแชทไลน์การพูดคุยระหว่างปู กับ ลูกหมี จำนวน 16 แผ่น มานำแสดงต่อสื่อมวลชน
โดยปู มัณฑนา หิมะทองคำ พร้อมด้วย หาญส์ ภักดีหาญส์ หิมะทองคำ และทีมทนายความ นำโดย ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช และ ทนายกิ่ง ศิริญญ์รดา เลืองวัฒนะวณิช ชี้แจ้งให้สื่อมวลชนดู ถึงจุดเริ่มต้นยอดหนี้ 2.7 ล้านบาท และระบุว่า ยังเหลือก้อนหนี้อีก 2 ล้านบาทที่เป็นประเด็น
ทนายประมาณ มีการยกตัวอย่างเส้นทางการโอนเงินเพื่อกู้ยืม เป็นการคิดดอกเบี้ยรายชั่วโมง รายวัน ซึ่งหากคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยรายปี บางยอดพุ่งสูงถึง 1,825 % ต่อปี พร้อมกับโชว์หลักฐานแชทไลน์ ที่พูดคุยกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการเรียกอัตราดอกเบี้ยกับทางปูจริง พร้อมยกตัวอย่างบางข้อมูลว่า ลูกหมีไม่เก่งตัวเลข ไม่เคยให้ใครกู้ยืม แต่บางทีพี่เค้าก็โอนให้ 1,000-2,000 รวมถึงข้อความที่ให้ปูเขียนเช็คไว้ เป็นต้น
ทั้งนี้จากการตรวจสอบตามหลักฐานที่ปรากฎพบว่าทั้งคู่มีการโอนเงินให้กันมากกว่า 80 ครั้ง แต่ละครั้งจะมีการคิดดอกเบี้ยที่แตกต่างกันออกไป โดยสรุปตามสเตทเม้นต์ ที่มีการโอนเงินพบว่าลูกหมีมีการโอนเงินให้กับ ปูจำนวน 4,057,700 บาท
ส่วนปูได้มีการโอเงินใช้หนี้ลูกหมี พร้อมดอกเบี้ย 2,640,498.27 บาท ดังนั้นจะเหลือยอดหนี้อยู่ที่ 1,417,201.73 บาท ไม่ใช่ 2,700,000 บาท ตามที่ลูกหมีกล่าวอ้าง ซึ่งยืนยันยอดหนี้ 1.4 ล้านบาท นี้ ทางปูสามารถจ่ายได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องมาดูว่าจะจ่ายสดแบบก่อนเดียว หรือจะทยอยจ่ายอย่างไร แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าทุกวันนี้ลูกหมีไปออกรายการประจาน โฆษณา ทำให้คุณปูและครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง ปูจะรับผิดชอบยังไง
ในขณะที่ ปู มัณฑณา ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า สำหรับเงินจำนวนที่ยืมคุณลูกหมีมานั้น จะคืนให้อย่างแน่นอน ส่วน ระยะเวลาในการคืนนั้นยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน หากคุณลูกหมี ขอให้คืนในวันนี้ก็พร้อมที่จะคืนแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำกับปู กับลูกปู กับครอบครัวปู เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกัน แต่เรื่องเงิน ยอดหนี้ที่ค้างอยู่ยังไงก็ต้องใช้อยู่แล้ว ไม่เคยบอกเขาว่าจะไม่คืน
ส่วนจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คือ ด้วยความที่เป็นคนแวดวงเดียวกันก็มักจะรู้จักและพูดคุยกัน ปรึกษาปัญหาชีวิต ว่าลูกหมีไม่ค่อยมีงาน งานที่สอนเด็กเดินแบบก็มีนักเรียนมาเรียนแค่ 2-3 คนมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวอีก รายได้จากการนำเงินไปปล่อยให้ร้ายแว่นแห่งหนึ่ง แต่มาร้านแว่นดังกล่าวไม่ยอมใช้หนี จนมีเรื่องราวแจ้งความกันไปก่อนหน้านี้ พร้อมกับผู้ว่าหากตนมีงาน อะไรก็สามารถพูดคุยติดต่อกันได้ ซึ่งตนจึงคุยกับ ลูกหมีว่า สนใจที่จะร่วมลงทุนกับเพื่อนตนหรือไม่เพราะเพื่อนตนทำธุรกิจเกี่ยวกับกระเป๋า แต่ลูกนี้อ้างว่าไม่ได้อยากคุยธุรกิจ กับเพื่อนของตนโดยตรง แต่ลูกหมีอยากจะคุยกับตนโดยตรงมากกว่า
หลังจากนั้นตนจึงได้มีการนำเงินในส่วนดังกล่าว ไปให้เพื่อน เพื่อลงทุนในธุรกิจกระเป๋า โดยมีการจ่ายดอกเบี้ยในกับลูกหมี มีการยืม และมีการคืนให้ตาม Statement ที่ทนายชี้แจงไปก่อนหน้านี้
ส่วนเรื่องเช็คเด้งนั้น ปู มัณฑณา ชี้แจงว่า ฝั่งลูกหมี รัศมี เป็นคนขอเองว่า ขอเช็คพี่ปูค้ำประกันเพื่อความสบายใจได้หรือไม่เราจึงให้เช็คดังกล่าวไป ไม่ว่าฝั่งลูกหมีจะขอให้ทำอะไร หรือเซ็นอะไร แม้แต่เป็นลายเซ็นในกระดาษเปล่าทั้งที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะเขียนเขียนเนื้อหาอะไร ทั้งนี้ตนเองจริงใจกับลูกหมี หาเงินให้ลูกหมี ในห้วงเวลา 4 เดือน กว่า 6 แสนบาท แต่เขากลับมาทำครอบครัว และลูกแบบนี้ มองว่ามันไม่ได้ ปู มัณฑณา ยืนยันว่า ไม่เคยห่างหายการพูดคุยกับคุณ สามารถดูตามแชทไลน์ได้เลยว่ามีการติดต่อกันตลอด
นอกจากนี้ยังพบว่า ลูกหมี รัศมี มีการไปพูดคุยกับพรรคการเมืองหลายพรรคมาก รวมทั้งพรรคการเมืองของสามีตนด้วย ว่า เมียของหาญส์ หิมะทองคำ เซนต์เช็คเด้งจำนวน 2 ล้านบาท จนเจ้านายสามี และนักการเมืองโทรศัพท์มาสอบถาม และหลายคนเอาเรื่องนี้ไปนินทากันให้แซด ทำให้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตนเข้า รพ.ถึง 5 ครั้ง น้ำหนักลดลงไปกว่า 6กิโลฯ อีกทั้งต้องกินยาเยอะและต้องไปพบจิตแพทย์ด้วย