คืบหน้าคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 330,000 ลิตร 3 ลำ หายไประหว่างจอดเทียบท่ารอการดำเนินคดี บริเวณท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ต่อมาเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไล่ล่าติดตามหา เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลาง ทั้ง 3 ลำกลับมาดำเนินคดีได้ แต่ปรากฏว่าน้ำมันในเรือถูกสูบออกไปเกือบหมด
โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 67 มีรายงานว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้ลงนามในคำสั่งให้ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) ไปปฏิบัติราชการ ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นการชั่วคราว โดยให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบช.ก. มอบหมาย
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รองผบก.ป.) ไปรักษาราชการแทน ผบก.รน. อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
โดยคำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเนื่องจากเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ประกอบด้วยเรือ เจ.พี. เรือซีฮอต และเรือดาวรุ่ง บรรทุกน้ำมันเถื่อน รวม 330,000 ลิตร หายไประหว่างจอดเทียบท่ารอการดำเนินคดีบริเวณท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่ง พล.ต.ท.จิรภพ สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะฯลงไปตรวจสอบหาคนรับผิดชอบ โดยเบื้องต้นสั่งย้าย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. พร้อมลูกน้องรวม 4 คนเข้า ปฎิบัติหน้าที่ ศปก. บช.ก. ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมส่งชุดสืบสวน บก.ป. ลงพื้นที่ไล่ล่าเรือกลับมาดำเนินคดีได้แล้ว แต่น้ำมันในเรือถูกสูบออกไปเกือบหมด
คำสั่งย้ายครั้งนี้อ้างถึงว่า เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเกิดความเป็นธรรม และที่สำคัญที่สุดเพื่อให้มีความโปร่งใสจึงจำเป็นต้องโยกย้าย พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน.ออกจากตำแหน่งเดิมก่อน ระหว่างที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวน หลังจากก่อนหน้านี้สอบสวนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เห็นว่า ผบก.รน.ควรมีส่วนรับผิดชอบด้วย เจ้าตัวก็เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ ที่ไปรักษาราชการแทน เน้นให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดโดยเฉพาะการกวดขันติดตามจับกุมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนทั้งทางบกและทางน้ำ โดยให้ประสานงานกับตำรวจทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้รายงานผลการปฏิบัติให้ทราบเป็นระยะอย่างใกล้ชิด