" เทสลา ผีสิง " เสียการควบคุมบนถนนเมืองจีน ซิ่งสยองชนดะ ดับ 2 เจ็บ 3 ( คลิป )

" เทสลา ผีสิง " เสียการควบคุมบนถนนเมืองจีน ซิ่งสยองชนดะ ดับ 2 เจ็บ 3 เจ้าของรถเผยสาเหตุ

เกิดเหตุ Tesla Model Y พุ่งชนคนที่กำลังเดินทางบนท้องถนนประเทศจีน เมือง Chaozhou มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย และ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุอีก 2 ราย โดยผู้เสียชีวิตเป็นเด็กหญิงมัธยมปลายและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนท้องถนน ส่วนเจ้าของรถเป็น ชายเป็นอายุ 55 ปี ได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน 

โดยหลังเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าของรถ Tesla ได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า  จู่ ๆ รถกลับเบนออกไปบนถนน และวิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เป็นระยะทาง 2.6 กม.  แม้คนขับพยายามคุมพวงมาลัยและบีบแตรไปตลอดทาง  แต่รถก็พุ่งชนรถมอเตอร์ไซค์ 2 คัน และจักรยานสองคัน ทั้งยังชนกับรถบรรทุกเล็ก ส่งเศษชิ้นส่วนกระจายว่อน  ก่อนหยุดในที่สุดเมื่อชนกับด้านข้างตึก

ต่อมา วันที่ 12 พ.ย. ทางญาติของคนขับรถเทสลา นำคลิปมาโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมระบุว่า คนขับ วัย 55  เป็นคนขับรถบรรทุกอาชีพ  ได้รับโอนรถคันนี้มาจากเพื่อนเมื่อต้นเดือนพ.ย.  ขณะพยายามจอดรถที่หน้าร้านค้าของครอบครัว คนขับอ้างว่าระบบเบรคไม่ตอบสนอง เมื่อตั้งค่าจอดรถ ก็หยุดรถไม่สำเร็จ  พอรถเคลื่อนไปข้างหน้า รถก็เร่งความเร็วทันที  กล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นไฟเบรคหลังรถหลายจังหวะ แต่รถไม่ลดความเร็วลง  ส่วนประเด็นคนขับใช้ยาเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์ ถูกตัดออกไป 

ด้านตัวแทน Tesla ได้ออกมาบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ตำรวจกำลังหาหน่วยงานภายนอกที่ไม่เกี่ยวของ ซึ่งเป็นบุคคลที่สามเข้ามาประเมินสถานการณ์ เพื่อระบุความจริงเบื้องหลังอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างเป็นกลาง และทางบริษัทจะให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นต่อการสืบสวนในครั้งนี้
ด้วยความที่จีนเป็นตลาดที่มีผู้ใช้รถ Tesla เป็นอันดับสองของโลก อุบัติเหตุในครั้งนี้จึงเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากบนเว็บไซต์ Weibo ของจีน

Jimu News รายงาน ตำรวจจราจรบอกว่าสาเหตุของเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด ด้านสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งของคนขับกล่าวว่า ก่อนหน้านั้นคนขับมีปัญหากับแป้นเบรกตอนที่เขาพยายามจอดรถที่หน้าร้านค้าของเขา

ในวิดีโอที่ได้มากจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอก็มีชาวเน็ตตีความไปต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความจริง

ที่มา – สำนักข่าว Reuters

ที่มา  –  pandaily  globaltimes