เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่าองราวสุดสะพรึง เมื่อเว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่า โลกออนไลนืได้มีการแชร์ประสบการณ์สุดย่ำแย่ของผู้โดยสารบนเที่ยวบินหนึ่ง หลังพบว่าได้กลิ่นโชยจากใต้เบาะ ซ้ำยังคละคลุ้งไปทั่วเครื่องบิน ก่อนเจอสาเหตุแทบวูบ ต้องทนนั่งกว่า 7 ชั่วโมง แถมย้ายไปไหนไม่ได้
โดยรายงานระบุว่า "ฮาบิบ บัตทาห์" นักข่าวชาวเลบานอน เขาและภรรยา พร้อมแมว 2 ตัว ขึ้นเครื่องบินสายการบินแอร์ฟรานซ์ เดินทางจากปารีส ประเทศฝรั่งเศส ไปที่เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา แต่เมื่อนั่งไปได้สักชั่วโมงกว่า เขาเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติจากกลิ่นคาวแปลกๆ เมื่อมองลงไปก็พบกับรอยของเหลวสีแดงขนาดใหญ่อยู่ใกล้กับที่นั่งของเขา
หลังจากนั้น เขาได้แจ้งไปที่ลูกเรือ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร โดยลูกเรือยื่นผ้าจำนวนหนึ่งมาให้เขาเป็นคนเช็ด เขาบอกกับลูกเรือว่าคราบนี้มันมีกลิ่นที่แย่มาก เมื่อเช็ดไปสังเกตว่าผ้านั้นมีสีแดงเหมือน "คราบเลือด" ซึ่งเข้าต้องใช้ผ้ากว่า 10 ชิ้นในการเช็ดคราบดังกล่าว แถมยังเพิ่งเห็นว่าคราบแดงนั้นเปื้อนใส่สายกระเป๋าของเขาซึ่งวางไว้ใต้เก้าอี้อีกด้วย
ต่อมา พนักงานสายการบินดังกล่าวพยายามนึกหาถึงสาเหตุ ก่อนจะตกใจอย่างหนัก เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเกิดเหตุสุดวิสัยจากผู้โดยสารมีอาการตกเลือดในเที่ยวก่อนหน้านี้ โดยพวกเขาอ้างว่าได้ทำการถอดที่นั่งออกไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีการทำความสะอาดพื้นแต่อย่างใด นอกจากนี้ด้วยที่เที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสารเต็มทุกเก้าอี้ เขาจึงไม่สามารถย้ายที่นั่งได้ และต้องนั่งอยู่ที่เดิมไปตลอด 8 ชั่วโมงจนกระทั่งถึงโทรอนโตในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเรื่อง 3 วัน บัตทาห์ ได้รับการติดต่อจากสายการบินดังกล่าวเอเสนอวอยเชอร์มูลค่า 500 เหรียญ (ราว 17,500 บาท) และรวมทั้งการอาบน้ำแมวทั้ง 2 ตัวที่เขาและภรรยานำขึ้นเที่ยวบินดังกล่าว แต่เขาปฏิเสธข้อเสนอ เพราะมองว่าเคสนี้เป็นเรื่องอันตรายทางชีวภาพที่ร้ายแรง ซ้ำค่าตั๋วของพวกเขานั้นคือเงิน 2,500 เหรียญ (ราว 88,000 บาท) การได้ส่วนลด 20% มันเหมาะสมไหมกับประสบการณ์เช่นนี้ พร้อมทิ้งท้ายว่ามันเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงและต้องมีใครบางคนรับผิดชอบ
ที่มา nypost