เพื่อนๆ อาลัยเศร้า หมอสาวแพทย์เฉพาะทางชื่อดัง จบชีวิตพร้อมลูกสาววัย 4 เดือน

อีกหนึ่งเหตุการณ์สุดสะเทือนใจอย่างมาก เมื่อมีรายงานจาก ตำรวจรัฐนิวยอร์กแถลงยืนยันกรณี พญ.คริสตัล คาสเซตตา แพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งจากมหาวิทยาลัยเมาท์ไซนาย วัย 40 ปี ใช้ปืนยิงลูกวัยแบเบาะของเธอ จากนั้นก็ยิงตัวเองจนเสียชีวิตทั้งคู่ในบ้านของพวกเขา ซึ่งอยู่ในเมืองโซเมอรส์ ห่างจากนครนิวยอร์ก ราว 80 กม. เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2566 เวลาประมาณ 07.00 น.

โดย ทีมตำรวจระบุว่า เมื่อพิจารณาจากที่เกิดเหตุแล้ว พบว่าสอดคล้องกับรูปแบบของการฆาตกรรมและอัตวินิบาตกรรม ทั้งนี้ ไม่มีการให้รายละเอียดเรื่องอายุของเด็กทารกที่เสียชีวิต

ด้าน เจ้าหน้าที่สายตรวจสตีเวน นีเวล ให้ข้อมูลว่า ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 911 ได้รับโทรศัพท์จากผู้ที่พักอยู่ในบ้านเดียวกันกับ พญ.คาสเซตตา แจ้งว่าได้ยินเสียงดัง ซึ่งต่อมาพบว่าเป็นเสียงยิงปืน จึงรีบวิ่งไปดูที่ห้องเด็กเพราะนึกว่ามีของหล่น แต่ก่อนที่จะไปถึงห้องดังกล่าว ผู้แจ้งเหตุนิรนามรายนี้ ก็บอกว่าได้ยินเสียงยิงปืนเป็นครั้งที่ 2 จึงรีบพังประตูห้องที่ล็อกอยู่เข้าไป แล้วจึงพบศพของสองแม่ลูกภายในห้อง

ทีมตำรวจกล่าวว่า คาสเซตตา เป็นแพทย์หญิงที่มีชื่อเสียงด้านการรักษาโรคมะเร็ง ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของโรงพยาบาลเมาท์ไซนาย เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามะเร็งทรวงอก , มะเร็งกระดูก , มะเร็งเนื้อเยื่อระบบทางเดินอาหาร และมะเร็งระบบสืบพันธุ์เพศหญิง เธอมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าศูนย์รักษาโรคมะเร็งและความผิดปกติของเลือด นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ในสาขาโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยาของโรงเรียนแพทย์ของโรงพยาบาลเมาท์ไซนาย

ต่อมาในวันอาทิตย์ที่ 6 ส.ค. 2566 ฝ่ายตำรวจได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เด็กทารกที่เสียชีวิตเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของ คาสเซตตา คาดว่ามีอายุประมาณ 4 เดือนครึ่ง

ทั้งนี้ ในวันที่เกิดเหตุ พ่อแม่ของ คาสเซตตา ก็อยู่ในบ้านด้วย แต่สามีของเธอไม่อยู่ เพื่อนบ้านของ คาสเซตตา ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ว่า เคยเห็นรถพยาบาลและรถตำรวจมาที่บ้านของผู้ตายในช่วง 2 - 3 เดือน ก่อนเกิดเหตุ ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง แต่ไม่ทราบถึงเหตุผลที่แน่ชัด

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ข่าวเผยแพร่ออกไป ผู้ที่เคยเป็นคนไข้ของ คาสเซตตา ต่างโพสต์แสดงความอาลัยถึงเธอ และแสดงความชื่นชมการทำงานและความเมตตาของเธอ บางรายกล่าวยกย่องว่า เธอคือซูเปอร์สตาร์ของวงการอาชีพ เป็นคนที่เฉลียวฉลาดและอุทิศตัวให้คนไข้อยู่เสมอ

ข้อมูลจาก nbcnews.com , thedailybeast.com
ภาพจาก Maureen Daly