สาวตื่นเต้น เดินทางกว่า 4,800 กม. ไปงานแต่งเพื่อน แต่พอเจอบ่าวสาวต้องรีบหนี

สาวตื่นเต้น เดินทางกว่า 4,800 กม. ไปงานแต่งเพื่อน แต่พอเจอบ่าวสาวต้องรีบหนี : เวลาเพื่อนรักแต่งงานหลายๆ คนก็มักจะพร้อมสละเวลาไปร่วมงานมงคลนี้ แต่ใครเหล่าจะโป๊ะได้เท่ากับหญิงรายนี้ที่ตั้งใจเดินทางไกลข้ามทวีป กว่า 4,800 กิโลเมตร เพื่อมางานแต่งงานเพื่อน แต่ดันลงเอยด้วยการไปผิดงาน กลายเป็นทิ้งตำนาน มาผิดงาน ไว้แทน 

โดย เว็บไซต์ indy100 รายงานว่า เรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นไวรัลบน TikTok เมื่อหญิงที่ชื่อ อาร์ตี้ ออกมาเปิดคลิปขณะที่ต้องเรียกแท็กซี่อย่างรีบร้อน เพื่อจะรีบออกจากงานแต่งงานของคนแปลกหน้า และเดินทางต่อไปยังงานที่ถูกต้อง

"เมื่อคุณเดินทางไกลกว่า 3,000 ไมล์ (ราว 4,800 กิโลเมตร) และบังเอิญมาร่วมงานแต่งผิดงาน" ข้อความปรากฏในคลิป ซึ่งเผยให้เห็นป้ายหน้างานที่มีชื่อของบ่าวสาว ร่วมถึงน้องเจ้าบ่าวที่พูดขึ้นอย่างขำๆ ว่า "คุณเดินทางจากอเมริกามาสกอตแลนด์ แล้วมาผิดงานเหรอ"  

"จริงค่ะ คุณพระ ฉันมาผิดงาน" อาร์ตี้ ตอบ
 

จากนั้นเจ้าบ่าวของงานก็เดินเข้ามาพูดต่ออย่างอารมณ์ดีกว่า "งานแต่งของผม และของเธอ" พร้อมชี้ไปยังเจ้าสาวของเขา ทั้งนี้ นับว่าโชคยังดีที่อาร์ตี้รู้ตัวไวพอจนสามารถขึ้นแท็กซี่ไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนได้ทัน แม้จะพลาดช่วงเวลาสำคัญอย่างการกล่าวสุนทรพจน์ในงาน หรือแม้แต่การจัดเลี้ยงอาหาร แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ลงเอยด้วยความสนุกสนาน และเธอก็ได้เป็นสักขีพยานในงานแต่งงานของเพื่อนจนได้

หลังจากคลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัล อาร์ตี้ก็ได้มาอธิบายเพิ่มเติมถึงประสบการณ์โก๊ะๆ ครั้งนี้ ยอมรับว่าตอนที่เธอมาถึงสถานที่จัดงานในตอนแรก ก็รู้สึกว่าไม่มีใครที่คุ้นหน้าคุ้นตาเลย เธอไม่รู้จักแขกส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าแปลกอะไรเพราะเธอเดินทางมาจากนอกเมือง ขณะที่บ่าวสาวเองก็ใจกว้างพอที่จะหาเก้าอี้ให้เธอได้ร่วมในพิธี

ทั้งนี้ เธอได้อยู่ร่วมแสดงความยินดีกับพวกเขา รับชมการจัดพิธีตามประเพณี จนกระทั่งได้เห็นป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า "ขอแสดงความยินดีกับ เคทลิน และ สตีเฟน" และแน่นอนว่า นั่นไม่ใช่ชื่อของเพื่อนเธอ 

เดิมทีเธอยังคิดว่าตัวเองยืนอยู่ตรงทางเข้าผิดจุด มองว่าสถานที่จัดงานอาจเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่จัดงานให้หลายคู่พร้อมกัน แต่แล้วเธอก็รู้ตัวจนได้ว่ามาผิดงานจริงๆ ซึ่งแม้แต่ตอนที่เจ้าภาพได้รู้พวกเขาก็ยังขำ และไม่ได้ถือสาอะไรที่เธอโผล่มาเป็นแขกแม้ไม่ได้รับเชิญ อย่างไรก็ตาม ด้านชาวเน็ตต่างก็คอมเมนต์กันเฮฮา โดยบ้างก็แซวว่าสถานการณ์แบบนี้สามารถเอาไปสร้างเป็นหนังได้เลยนะนั่น

ข้อมูลจาก indy100