จากสถานการณ์สงคราม "อิสราเอล - ปาเลสไตน์" ที่อิสราเอลโดนกลุ่มฮามาสโจมตีตั้งแต่รุ่งเช้าของวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งก็ผ่านมาแล้วถึง 6 วัน แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงแต่อย่างใด กลับมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุด สื่อต่างประเทศหลายสื่อได้รายงานถึงผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัวในครั้งนี้ คือ นายโมฮัมเหม็ด เดอีฟ (Mohammed Deif) ผู้นำกองพลน้อยอิซ อัล-ดิน อัล-กัสซาม ของกลุ่มฮามาส
นายโมฮัมเหม็ด เดอีฟ อยู่ในบัญชีรายชื่อ บุคคลที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดของอิสราเอล (โมฮัมเหม็ด เดฟหลบเลี่ยงหน่วยข่าวกรองของอิสราเอลมาได้นานกว่า 30 ปี) กระทั้งชื่อมาปรากฏว่าอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการทางทหารทำให้เกิดการสู้รบอย่างดุเดือด จนนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) ของอิสราเอลออกมาประกาศสงครามกับกลุ่มฮามาส
นายออมรี บรินเนอร์ นักวิเคราะห์อิสราเอลและตะวันออกกลาง ทีมนานาชาติเพื่อการศึกษาความมั่นคงเวโรนา (ITSS) กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวทำให้ค่าหัวนายโมฮัมเหม็ด เดฟ เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ตำแหน่งทางการทหารในฉนวนกาซา ของนายโมฮัมเหม็ด เดอีฟ พิ่มขึ้นตามด้วย และถึงแม้จะถูกทางอิสราเอลลอบสังหารได้ แต่ชื่อของนายโมฮัมเหม็ด เดอีฟ ก็จะคงอยู่ตลอดไป
ทางสหรัฐอเมริกาเคยประกาศให้นายโมฮัมเหม็ด เดอีฟ เป็นผู้ก่อการร้ายสากล ตั้งแต่ปี 2558 ถือภัยคุกคามโดยตรงและต่อเนื่องต่อความมั่นคงของอิสราเอลมานานกว่า 30 ปี ภาพถ่ายของ นายโมฮัมเหม็ด เดอีฟ ที่เคยเผยแพร่มีเพียงภาพเดียว และคาดว่าเมื่อปี 2549 นายโมฮัมเหม็ด เดอีฟ อาจสูญเสียการมองเห็น แขน และขา อย่างละข้างจากเหตุการณ์การโจมตีของอิสราเอล นายโมฮัมเหม็ด เดอีฟ เป็นคนที่รอดจากการถูกลอบสังหารมาหลายครั้ง และเป็นผู้รอดชีวิตมากสุดในการต่อต้านของชาวปาเลสไตน์ จึงได้ฉายาว่า "ชายผู้มีเก้าชีวิต"