ทำเอาแฟนคลับต่างอึ้งและผิดหวัง หลังได้ฟังเบื้องหลังเรื่องราวของ เหลียงซานเมิ่งหยาง (涼山孟陽) สาวน้อยผู้ยากจนบนภูเขาต้าเหลียงซาน มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ที่มักพาผู้คนไปติดตามชีวิตอันทุกข์ยากของเธอในพื้นที่ชนบท ต้องขึ้นเขาไปตัดไม้ ลุยงานในไร่
โดยเธอมักจะแสดงให้เห็นในการทำงานหนักจนเนื้อตัวเปรอะเปื้อน เพื่อหาเงินมาดูแลน้องๆ จนทำให้ผู้คนมากมายเห็นใจสงสาร พากันเข้ามารับชมภาพการสู้ชีวิตของเธอ กระทั่งมีจำนวนผู้ติดตามกว่า 3.86 ล้านคน ในเวลาเพียงไม่กี่ปี
ทว่าไม่นานมานี้สังคมจีนกลับต้องผิดหวังเพราะโดนแหกตาครั้งใหญ่ เมื่อได้ค้นพบความจริงว่าสาวน้อยที่น่าสงสารผู้นี้ แท้จริงแล้วไม่ได้ยากจนอย่างที่คิด แตกต่างจากภาพลักษณ์ในจอที่มักสวมเสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยปะ ใบหน้าเปื้อนโคลน ผิวตากแดดจนดำคล้ำ ออกมาร้องไห้คร่ำครวญถึงความลำบาก ตัวจริงของเธอมักจะสวมเสื้อผ้าและนาฬิกาแพงๆ ใช้ชีวิตอย่างหรูหราและไปเที่ยวสถานที่ระดับไฮเอนด์อยู่เป็นประจำ
กลายเป็นว่า เหลียงซานเมิ่งหยาง เป็นเพียงบทบาทสมมติที่ถูกจัดฉากขึ้นมาเรียกความสงสาร หากำไรจากความเห็นใจของผู้คนเท่านั้น โดยทำกันเป็นขบวนการที่ยิ่งขุดก็ยิ่งเน่าเฟะ
สำหรับเส้นทางความโด่งดังของ เหลียงซานเมิ่งหยาง สาวน้อยอายุประมาณ 20 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2561 เมื่อเธอได้ทำคลิปสั้นบนโซเชียล เล่าเรื่องชีวิตแสนลำเค็ญของตัวเอง สร้างภาพน่าสงสารและใช้ความยากจนมาเป็นจุดขายเรียกความเห็นใจ โดยครั้งหนึ่งเธอเคยบอกว่า พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตหมดแล้ว เธอจึงต้องหยุดเรียนมาดูแลน้องๆ ที่บ้าน และเพราะความยากจนทำให้ต้องกินมันฝรั่งประทังชีวิตทุกวัน
ในคลิปของเธอ เผยให้เห็นว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ในบ้านดินโทรมๆ เสื้อผ้าเก่าจนเต็มไปด้วยรอยปะ ชุน ผิวของเธอดำคล้ำ และมักจะต้องขึ้นไปตัดไม้บนเขาหรือทำงานไร่ เธออ้างว่าเนื่องจากความลำบากด้านการเงิน จึงต้องถ่ายคลิปสั้นเพื่อหารายได้เสริม เธอยังร้องไห้โอดครวญถึงชีวิตแสนเศร้าในการไลฟ์มากกว่า 1 ครั้ง ทำให้ชาวเน็ตยิ่งรู้สึกสงสาร
เมื่อเวลาผ่านไป ความนิยมของเหลียงซานเมิ่งหยางก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อเธอมีแฟนๆ ที่ติดตามมากมายและโด่งดัง หญิงสาวก็เริ่มหันมาไลฟ์ขายสินค้าการเกษตร และขึ้นแท่นหนึ่งในอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงในเวลาเพียงไม่กี่ปี มีจำนวนผู้ติดตามกว่า 3.86 ล้านคน
แต่จากนั้นก็เริ่มมีคนสงสัยว่าจริงๆ แล้วหญิงสาวอาจไม่ได้ยากจนอย่างที่อ้าง แต่ทำคลิปหลอกลวงโดยมีทีมงานคอยจัดฉากให้ดูยากจน บางคนชี้ว่ามักจะเห็นสาวคนนี้ไปอยู่ตามสถานที่หรูหราต่างๆ สวมนาฬิกาและเสื้อผ้าแพงๆ ซึ่งต่อมาเหลียงซานเมิ่งหยางได้ออกมาปฏิเสธ ยืนยันว่า "ไม่มีทีมงาน และไม่มีเงิน"
แต่ต่อมามีชาวเน็ตบางคนตามไปเยี่ยมหญิงสาวถึงบ้านเกิด ก่อนจะพบว่าแท้จริงแล้วพ่อแม่ของหญิงสาวยังมีชีวิตอยู่ทั้งคู่ ส่วนบ้านหลังเล็กๆ ที่เห็นในคลิปนั้นก็ไม่ใช่บ้านของเธอจริงๆ
กระทั่งเดือนพฤษภาคม 2566 สำนักความมั่นคงสาธารณะของเมืองเหลียงซาน ได้เข้ามาตรวจสอบประเด็นเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อที่หลอกลวงของบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ทั้งหลาย รวมถึง เหลียงซานเมิ่งหยาง และอินฟลูเอนเซอร์อีกคน ความจริงเบื้องหลังอุตสาหกรรมสีเทาจึงถูกเปิดเผย
กลายเป็นว่าตั้งแต่หลายปีก่อน บุคคลที่ชื่อ ถังโหม่ว และคนอื่นๆ ได้ร่วมกันจดทะเบียนตั้งบริษัท และทำการเขียนสคริปต์เพื่อใช้ถ่ายคลิปสั้นๆ เล่าประสบการณ์ยากจนและน่าเศร้าของชาวบ้าน พร้อมสร้างคาแรกเตอร์ปลอมๆ อย่าง เหลียงซานเมิ่งหยาง และคนอื่นๆ ขึ้น เพื่อดึงดูดความสนใจ จนเมื่อได้รับความเห็นใจจากชาวเน็ตก็เริ่มใช้กลยุทธ์ "การช่วยเหลือเกษตรกร" มาสูบเงินจากผู้ติดตาม
โดยทีมงานจะไปซื้อผลิตภัณฑ์การเกษตรของข้าวของอื่นๆ ที่ไม่ได้มาจากเมืองเหลียงซาน ในราคาต่ำๆ แล้วติดป้ายบอกว่านี่เป็นสินค้าของเมืองเหลียงซาน เพื่อให้อินฟลูเอนเซอร์ในสังกัดนำมาไลฟ์ขาย จนมียอดขายทะลุ 30 ล้านหยวน หรือประมาณ 152 ล้านบาท กอบโกยกำไรอย่างผิดกฎหมายเกิน 10 ล้านหยวน หรือ ราว 49 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลประชาชนในเมืองเหลียงซาน จึงมีคำพิพากษาโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง โดย ถังโหม่ว ที่เป็นบอสของบริษัท และอีก 8 คน ถูกตัดสินให้จำคุกตั้งแต่ 9 เดือน ถึง 1 ปี 2 เดือน จากข้อหาโฆษณาอันเป็นเท็จ ขณะที่ตัวเหลียงซานเมิ่งหยางถูกตัดสินจำคุก 11 เดือน ปรับ 80,000 หยวน หรือ ประมาณ 405,000 บาท
ข้อมูลจาก HK01