มีรายงานจากสื่อในสำนักข่าวฮ่องกง เปิดเผยว่า ศูนย์คุ้มครองสุขภาพ (CHP) ของกระทรวงสาธารณสุขฮ่องกง (DH) บันทึกผู้ป่วยรายแรกด้วยไวรัสบี (Herpes virus B, Macacine herpesvirus 1 , McHV-1) จึงเรียกร้องให้ประชาชนงดสัมผัสหรือให้อาหารลิงป่าเพื่อลดความเสี่ยงในการติดไวรัส
ตามรายงาน ชายวัย 37 ปี ไม่มีประวัติทางการแพทย์ที่สำคัญ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลย่ายไชเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา หลังจากมีไข้และระดับความรู้สึกตัวลดลง ปัจจุบัน ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอาการวิกฤตที่ห้องผู้ป่วยหนักของโรงพยาบาล
ต่อมา บริการห้องปฏิบัติการสาธารณสุขของศูนย์คุ้มครองสุขภาพยืนยันว่า มีไวรัสบีในตัวอย่างน้ำไขสันหลังของผู้ป่วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนทางระบาดวิทยาเพื่อรวบรวมรายละเอียดเพิ่มเติม
ทั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้นและข้อมูลที่ได้รับจากสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วย ระบุว่า ผู้ป่วยได้สัมผัสกับลิงป่าและได้รับบาดเจ็บจากลิงระหว่างการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติคำซานเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
แม้ว่าจะเป็นกรณีแรกของการติดเชื้อไวรัสบีที่รายงานโดยศูนย์คุ้มครองสุขภาพ แต่ก็มีการบันทึกไว้ในภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา จีน และญี่ปุ่น กรณีเหล่านี้มักเกิดจากการถูกลิงกัดหรือข่วน โดยการติดต่อจากคนสู่คนนั้นพบได้น้อยมาก
ด้าน โฆษกศูนย์คุ้มครองสุขภาพ เน้นย้ำว่า ไวรัสบีมีอยู่ตามธรรมชาติในน้ำลาย ปัสสาวะ และอุจจาระของลิง เช่น ลิงแสม ลิงวอก ลิงกัง เป็นต้น ซึ่งเป็นลิงป่าสายพันธุ์ที่พบได้ทั่วไป ผู้ติดเชื้ออาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในระยะแรก
โดยมีรายงานการแพร่เชื้อระหว่างมนุษย์เพียงครั้งเดียวในปีพ.ศ. 2530 โดยผู้ที่ติดเชื้อจะแสดงอาการภายใน 1 เดือนหลังได้รับเชื้อ อาการเริ่มต้นจะคล้ายไข้หวัด อาทิ มีไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และปวดหัว
จากนั้นจะเริ่มมีตุ่มน้ำพองบริเวณที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย และพัฒนาอาการที่หนักขึ้น หายใจลำบาก ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และในท้ายที่สุดไวรัสจะกระจายไปที่สมองและไขสันหลัง ทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทรุนแรงและเสียชีวิตได้หลังติดเชื้อที่ก้านสมอง
พร้อมกันนี้ ตามรายงานของมหาวิทยาลัยมหิดล อาการของการติดเชื้อไวรัสจากลิงสู่คน หรือที่เรียกว่า โรคไวรัสบี และ Monkey B ซึ่งเชื้อนี้ได้รับการจำแนกไว้เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2475 โดยเป็นเชื้อในวงศ์เดียวกับที่โรคเริม ซึ่งไวรัสในกลุ่มนี้ก็จะเป็นไวรัสที่มีความสามารถในการติดเชื้อที่เซลล์ประสาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับไวรัสบี ประชาชนควรปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้
ข้อมูลจาก The news.gov.hk และ มหาวิทยาลัยมหิดล