ใครจะคิดว่ากรณีที่ลูกเสียชีวิตเป็นเพราะนมผงที่แม่ชงให้ดื่ม แต่มันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วกับเคสของหนูน้อยวัย 4 ขวบ ซึ่งเรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ตามรายงานของ New York Post ระบุว่า ทามาร่า แม่วัย 41 ปี และ คาร์มิตี้ พ่อวัย 53 ปี มีลูกชายคนโต และลูกสาวคนเล็ก ที่ทั้งคู่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคเบาหวานภายใต้การดูแลของคนที่เป็นพ่อและแม่
โดยในปี 2022 ลูกสาวประสบปัญหาสุขภาพร้ายแรงเป็นเวลาหลายวัน แต่ผู้ปกครองยังคงเพิกเฉย ไม่โทรเรียก 911 เพื่อขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งเด็กร่างกายเปลี่ยนเป็นสีม่วงและหยุดหายใจ
อัยการกล่าวหาว่า ผู้ปกครองรู้ว่าลูกสาวต้องหย่านมจากขวด แต่ยังคงผสมนมผงกับ "เครื่องดื่มโซดาที่มีรสชาติหวาน" ให้เด็กดื่ม จนทำให้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และเสียชีวิตจากโรคกรดคีโตซิสจากเบาหวาน ผลการสแกนในภายหลังจากโรงพยาบาลเด็ก พบว่าเด็กหญิงคนนี้สมองตายแล้ว
นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังยืนยันว่า หลังจากการละเลยและทารุณกรรมมาเป็นเวลานานตลอดชีวิตอันแสนสั้น ฟันแต่ละซี่ของเด็กหญิงก็ผุพังอย่างรุนแรง คู่สามีภรรยาไม่เคยพาลูกสาวไปหาหมอฟัน ดังนั้น จึงมีการฟ้องร้องทั้งสองคนในข้อหาทำให้เสียชีวิต
แม้ว่าผู้เป็นแม่จะแย้งว่า เธอไม่รู้ว่าการให้ลูกดื่มนมผงที่ผสมเช่นนี้จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ โดยอ้างว่า "ฉันคิดว่าฉันกำลังดูแลเธออยู่" แต่อัยการโต้กลับโดยบอกว่า ลูกชายคนโตของพวกเขาก็ป่วยเป็นโรคเบาหวานเช่นกัน และอยู่ในอาการโคม่า เธอจะไม่รู้ถึงอันตรายได้อย่างไร
ทั้งนี้ นมสูตรที่เธอชงให้ลูกดื่มนั้น เครื่องดื่มโซดายี่ห้อที่เลือกมาใช้มีปริมาณน้ำตาลสูงถึง 77 กรัม ซึ่งตามที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าว เด็กๆ ไม่ควรปริโภคเกิน 24 กรัมต่อวัน แน่นอนว่านมผงสูตรนี้น้ำตาลสูงกว่ามาก
อัยการยังกล่าวด้วยว่า ผู้เป็นแม่ใส่ใจแต่ตัวเองเท่านั้น จะไปพบแพทย์และกินยาสำหรับปัญหาสุขภาพของเธอเอง แต่ไม่เคยใส่ใจกับสภาวะสุขภาพของลูกทั้งสองคนเลย "มันยากที่จะเป็นพ่อแม่ที่ดี แต่อย่างน้อยคุณต้องเป็นพ่อแม่ธรรมดาๆ การไม่รู้ว่าต้องทำอะไรไม่ใช่ข้อแก้ตัว"
"นี่เป็นหนึ่งในกรณีที่น่าเศร้าที่สุดที่ฉันเคยพบมา… เด็กคนนี้ไม่จำเป็นต้องตาย" ผู้ช่วยอัยการเทศมณฑลแคลร์มอนต์กล่าว
อย่างไรก็ตาม สุดท้าย เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2024 ผู้พิพากษาตัดสินให้ ผู้เป็นแม่ต้องรับโทษจำคุก 9-13 ปี ส่วนฝ่ายผู้เป็นพ่อซึ่งรับสารภาพในข้อหา "ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา" เช่นกัน ถูกตัดสินจำคุก 6 เดือน