เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นอีกแล้วที่อินโดนีเซีย หลังจากมีรายงานว่า หญิงชาวบ้านรายหนึ่งหายไปตัวอย่างไร้ร่องรอย หลังจากที่เธอออกไปหาหอยตามปกติที่ริมแม่น้ำ จากนั้นก็ไม่มีใครได้พบเห็นเธออีกเลย กระทั่งพบตัวต้องสงสัย ชาวบ้านในระแวกนั้นถึงได้พบเจอเธออีกครั้งในสภาพน่าเวทนา
ตามรายงานระบุว่า หญิงคนดังกล่าวอายุเพียง 54 ปี อาศัยในหมู่บ้านวาลี บนหมู่เกาะโมลุกกะในอินโดนีเซีย ซึ่งเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา เธอออกจากบ้านไปในตอนเช้า เพื่อไปหาหอยกาบที่ริมแม่น้ำ แต่จู่ๆ ในขณะที่เธอกำลังว่ายอยู่ในน้ำ กลับถูกจระเข้จู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตในที่สุด
ด้าน เพื่อนบ้านของเธอเล่าว่า ญาติและเพื่อนๆ ของผู้สูญหายพยายามออกตามหา หลังจากเห็นว่าเธอหายตัวไปเป็นเวลานานและไม่กลับมาที่บ้าน กระทั่งไปพบรองเท้าแตะของเธออยู่ที่ริมน้ำ และที่น่าช็อกสะเทือนใจคือ พบชิ้นส่วนขาข้างหนึ่งของเธอลอยอยู่ในแม่น้ำ จึงมั่นใจว่าต้องเธอถูกจระเข้ทำร้าย
คิดดังนั้นชาวบ้านรีบแจ้งเหตุไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่พร้อมทีมอาสาท้องถิ่นได้ตามล่าจระเข้ดังกล่าวได้สำเร็จ โดยตำรวจได้ยิงมันตาย ก่อนที่จะช่วยกันลากขึ้นมาจากน้ำแล้วผ่าเปิดท้องของมัน เพื่อนำชิ้นส่วนร่างกายส่วนที่เหลือของหญิงผู้สูญหายมาออกมา โดยจระตัวนี้มีขนาดใหญ่ ลำตัวยาวประมาณ 4 เมตร แต่ไม่ทราบสายพันธุ์ที่แน่ชัด
ทันทีที่เห็นสภาพภายในท้องจระเข้ตัวดังกล่าว ผู้คนต่างพากันสะเทือนขวัญอย่างมากเพราะ นั่นเป้นเครื่องยืนยันว่า หญิงอายุ 54 ปีที่หายตัวไปได้เสียชีวิตลงแล้ว และจุดจบของเธอน่าสยองไม่น้อย ขาและมือของเธอถูกจระเข้ยักษ์กลืนลงไป
ทั้งนี้ยังมีพยานอีกรายยังเล่าว่า ขณะที่เขากำลังขับรถข้ามสะพานใกล้ๆ ในขณะที่เกิดเหตุ โดยเขาเผยกับรายงานของสื่อท้องถิ่นว่า "เห็นเหมือนมีคนว่ายน้ำ แต่ไม่เห็นร่างกาย มองเห็นแค่ขาเท่านั้น" จากนั้นเพื่อให้แน่ใจ เขาจึงลงจากรถไปดูใกล้ ๆ ก่อนที่จะต้องช็อกสุดขีด เมื่อเห็นว่าน่าจะเป็นมนุษย์ถูกจระเข้โจมตี จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ไปช่วยเหลือ
ข้อมูลจาก Daily Mail และ CBS News