นับว่าเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในต่างประเทศ หลังจากที่ในญี่ปุ่น เกิดเหตุการณ์ นักเรียนอายุ 17 ปี เสียชีวิตจากการถอนฟันคุด ซึ่งไม่นานมานี้ มีรายงานระบุว่า ทันตแพทย์สองคนที่คลินิกแห่งหนึ่งในเมืองโอซาก้า ถูกกล่าวหาว่าประมาทเลินเล่อทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต จากคดีเมื่อปี 256
เคสนี้เป็นของ นักเรียนรายหนึ่ง ซึ่งตอนเกิดเหตุเขาอายุแค่ 17 ปี เท่านั้น ซึ่งได้เข้ารับบริหารคลินิกซึ่งดำเนินการโดยสมาคมทันตกรรมซาไกมาตั้งแต่ปี 2551 เป็นสถานที่ที่เชี่ยวชาญด้านการให้บริการผู้ป่วยที่มีปัญหาทางทันตกรรมทั่วไป ซึ่งเขาไปเพื่อถอนฟันคุด 2 ซี่ ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์มืออาชีพ แต่กลับตกอยู่ในภาวะขาดออกซิเจนขณะอยู่ภายใต้การดมยาสลบ และเสียชีวิตในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น
ตามข้อมูลจากตำรวจโอซาก้า ระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 13:00 น. ของวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 แพทย์หญิงวัย 34 ปี ได้วางยาสลบ นักเรียนหนุ่ม และวางท่อออกซิเจนผ่านจมูกไปที่หลอดลม แต่เธอถูกกล่าวหาว่าไม่ได้ใช้มาตรการที่จำเป็น เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจกลับเข้าไปใหม่ แม้ว่าจะได้รับสัญญาณเตือนจากอุปกรณ์ติดตามระบบทางเดินหายใจก็ตาม
อีกทั้งแม้จะทราบถึงอาการผิดปกติของผู้ป่วยแล้ว ผู้อำนวยการคลินิกชายวัย 55 ปี ซึ่งเป็นวิสัญญีแพทย์ด้วย ก็ยังดำเนินการเรียกบริการฉุกเฉินล่าช้า เมื่อคนไข้แสดงอาการผิดปกติ แพทย์เชื่อว่าเกิดจากการหดเกร็งของหลอดลม และได้รับยารักษาแต่ไม่มีอาการดีขึ้น เมื่อเวลาประมาณ 14:25 น. จึงเรียกรถพยาบาล
เมื่อเขามีอาการหัวใจหยุดเต้น แหล่งข่าวเปิดเผยว่าระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดซึ่งปกติจะเป็น 96% หรือสูงกว่านั้น แต่ของคนไข้เคราะห์ร้ายรายนี้กลับลดลงเหลือประมาณ 20% เด็กหนุ่มไม่สามารถฟื้นชีวิตขึ้นมาได้ และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 โดยสาเหตุระบุว่าภาวะขาดออกซิเจนในสมอง
อย่างไรก็ตาม ตำรวจประจำจังหวัดโอซาก้าสรุปว่า แม้ว่าในตอนแรกท่อออกซิเจนจะถูกวางในตำแหน่งที่ถูกต้อง แต่ปลายของท่อก็ถูกแยกออกจากหลอดลมอย่างไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งหลังจากได้รับฟังข้อมูลจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประมาณ 40 คนแล้ว ตำรวจเชื่อว่าหากใช้มาตรการที่เหมาะสม เด็กหนุ่มก็อาจจะรอดชีวิตได้
ข้อมูลจาก afamily