กำลังเป็นประเด็นที่กลับมาร้อนแรงอีกครั้งในโลกออนไลน์ เมื่อสื่อในประเทศจีนได้รายงานกรณีการเสียชีวิตของชายวัย 30 ปี เนื่องจากอวัยวะล้มเหลว หลังทำงานหนักต่อเนื่อง 104 วัน โดยมีวันหยุดพักเพียง 1 วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทางบริษัทออกมาโต้แย้ง อ้างว่าการเสียชีวิตของชายคนดังกล่าวมีสาเหตุจากอาการเจ็บป่วยที่มีอยู่ก่อน ไม่เกี่ยวกับการทำงาน จึงยิ่งเป็นการจุดชนวนให้เกิดความไม่พอใจในวงกว้าง
ตามรายงานระบุว่า ชายวัย 30 ปีที่เสียชีวิตได้เซ็นสัญญาทำงานเป็นช่างทาสีให้บริษัทแห่งหนึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดยมีกำหนดสิ้นสุดสัญญาในเดือนมกราคม 2567 จากนั้นเขาได้รับมอบหมายให้ไปทำงานในเมืองโจวซาน มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งนับตั้งแต่เซ็นสัญญา เขาก็ทำงานติดต่อกันทุกวัน เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 104 วัน โดยมีวันหยุดพักแค่วันเดียวคือวันที่ 6 เมษายน
จนกระทั่งวันที่ 25 พฤษภาคม ชายหนุ่มลาป่วยเพราะรู้สึกไม่สบาย และใช้เวลาทั้งวันพักผ่อนที่หอพัก แต่แล้ววันที่ 28 พฤษภาคม 2566 อาการของเขาทรุดลงอย่างรวดเร็ว เพื่อนร่วมงานจึงรีบพาอาเป่าไปส่งโรงพยาบาล ตอนนั้นเองที่เขาได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะปอดติดเชื้อและหายใจล้มเหลว กระทั่งในวันที่ 1 มิถุนายน 2566 เขาก็เสียชีวิต
ทั้งนี้ระหว่างการสอบสวนเบื้องต้นเรื่องการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ประกันสังคมอ้างว่าช่วงเวลาที่ชายรายนี้เริ่มป่วยกับตอนที่เสียชีวิต มีระยะเวลาห่างกันเกิน 48 ชั่วโมง จึงไม่อาจจัดเป็นการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ดังนั้นทางครอบครัวของชายหนุ่มจึงยื่นฟ้องเรียกค่าชดเชย โดยชี้ว่าการเสียชีวิตของเขาเกิดจากการละเลยของนายจ้าง
เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหานี้ ทางบริษัทออกมาอ้างว่าการทำงานหนักของชายหนุ่มเป็นสิ่งที่สามารถจัดการได้ อีกทั้งเขายังอาสาทำงานล่วงเวลาเอง บริษัทยังโต้แย้งด้วยว่าการเสียชีวิตของพนักงาน เป็นผลจากปัญหาสุขภาพที่เขามีอยู่ก่อนแล้ว และการที่ไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างทันท่วงที จึงเป็นสาเหตุให้สภาพอาการแย่ลง
ต่อมาศาลในมณฑลเจ้อเจียง ทำการไต่สวนและพิจารณาคดีความที่เกิดขึ้น โดยศาลพบว่า ชายหนุ่มเสียชีวิตจากภาวะอวัยวะล้มเหลวหลายส่วน เนื่องจากโรคนิวโมคอคคัส อันเป็นโรคติดเชื้อจากแบคทีเรีย ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ นอกจากนี้ศาลพบว่าการที่ชายหนุ่มมีวันทำงานต่อเนื่อง 104 วันนั้นถือเป็นเรื่องฝ่าฝืนกฎหมายแรงงานอย่างชัดเจน
เนื่องจากตามกฎหมายจีนได้กำหนดชั่วโมงการทำงานสูงสุดไว้ที่ วันละ 8 ชั่วโมง หรือเฉลี่ยง 44 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ด้วยเหตุนี้ศาลจึงตัดสินว่า การที่บริษัทฝ่าฝืนกฎหมายแรงงาน มีส่วนสำคัญทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของอาเป่าเสื่อมสภาพและทำให้เขาเสียชีวิตในที่สุด ดังนั้นทางบริษัทจึงมีส่วนรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมดังกล่าว 20%
โดยศาลมีคำตัดสินให้ทางบริษัทจ่ายเงินชดเชยแก่ครอบครัวของอาเป่า รวมเป็นเงิน 400,000 หยวน หรือประมาณ 1.69 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนั้นทันที แต่ในการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ในเดือนสิงหาคม 2567 ได้พิพากษายืนคำตัดสินเดิมของศาลชั้นต้น ขณะที่คดีความดังกล่าวนำมาสู่การถกเถียงและความเดือดดาลในสังคมจีน โดยมีชาวเน็ตมากมายออกมาคอมเมนต์ถึงคดีนี้
อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของชายคนนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกี่ยวข้องกับการทำงานหนัก โดยในจีนมีคดีที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังเช่นเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 พนักงานชื่อ จูปิน เสียชีวิตกะทันหันขณะกลับบ้านหลังเลิกงาน ซึ่งต่อมาพบว่าเขาต้องทำงานตลอดทั้งเดือนกรกฎาคมโดยไม่มีวันหยุด หรือเท่ากับทำงานล่วงเวลาไปถึง 130 ชั่วโมง ศาลจึงตัดสินให้นายจ้างมีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของเขา โดยต้องจ่ายเงินชดเชย 360,000 หยวน หรือ ราว 1.7 ล้านบาท
ข้อมูลจาก SCMP