ขณะนี้ในหลายๆ พื้นที่ต่างเผชิญกับน้ำท่วมขัง เนื่องจากที่ฝนตกสะสมเป็นเวลานาน ซึ่งนอกจากสัตว์มีพิษแล้ว ยังต้องระวัง "โรคที่มากับน้ำ" อีกด้วย เพราะบางชนิดสามารถทำให้ป่วยหนักจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ เช่นเดียวกับเคสของคุณลุงวัย 50 ปี รายนี้ ที่จู่ๆ ป่วยหนัก หลังจากที่ "เดินลุยน้ำฝน"
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน เป็นเคสอุทาหรณ์ของชายวัย 50 ปี ที่อาศัยอยู่ในไหหลำ ซึ่งวันหนึ่ง เขาต้องรีบไปพบแพทย์ด้วยอาการปวดขา ก่อนจะพบว่าเขาป่วยหนักถึงชีวิตเนื่องจากการ "ลุยน้ำฝน" มีอาการปวดขนจนเดินไม่ได้ ไอเป็นเลือด อวัยวะติดเชื้อ ระบบหายใจล้มเหลว
ขณะเดียวกัน ญาติของคุณลุงเล่าว่า หลังฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมขังในละแวกบ้าน เขาจึงตัดสินใจออกไปตรวจดู และเก็บขยะในท่อระบายน้ำใกล้บ้านของเขา กระทั่งสองวันต่อมาเริ่มมีไข้ ปวดศีรษะ และปวดน่อง เพราะคิดว่าเป็นหวัดจากการลุยฝนเป็นเวลานาน จึงซื้อยามากินด้วยตัวเอง
แต่หลังจากกินยาได้ 3 วัน อาการของคุณลุงก็ยังไม่ดีขึ้น และดูเหมือนจะหนักขึ้นอีกด้วย เพราะคุณลุงมีไข้สูงขึ้นกว่าเดิมมาก เมื่อลูกชายเห็นว่าพ่อมีไข้มากกว่า 40 องศา แน่นหน้าอก ตาแดง ปวดขาจนเดินไม่ได้ ก็คิดว่าโรคข้ออักเสบกลับมา จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลประชาชนไหโข่ว
โดยไม่คาดคิดว่า เมื่อแพทย์โรคกระดูกและข้อได้ทำการตรวจเบื้องต้น ก็รีบย้ายคุณลุงไปที่แผนกฉุกเฉินทันที ในตอนนั้นผู้ป่วยอยู่ในอาการวิกฤต มีไข้สูงเกิน 40 องศา ปวดศีรษะ ปวดขา ระบบหายใจล้มเหลว เยื่อบุตาอักเสบ ไอเป็นเลือด และมีอาการสับสน เมื่อรวมอาการทางคลินิก กับประวัติทางการแพทย์จากสมาชิกในครอบครัวที่ระบุว่า "สัมผัสน้ำเสียขณะลุยฝน" ทีมแพทย์จึงทำการทดสอบทางเซรุ่มวิทยาเชิงลึก
ก่อนจะสรุปได้ว่าผู้ป่วยเป็นไข้ฉี่หนู หรือ เลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากการตรวจพบช้า โรคนี้ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะหลายส่วนล้มเหลว โดยเฉพาะปอดและไต หรือที่รู้จักกันในชื่อ Weil Syndrome เนื่องจากติดเชื้อเลปโตสไปโรซีส นอกจากนี้ โรงพยาบาลต้องจัดตั้งทีมให้คำปรึกษาสหสาขาวิชาชีพฉุกเฉินทันที
อย่างไรก็ตาม แพทย์จากแผนกฉุกเฉินเล่าว่า เป็นเวลา 8 ชั่วโมงติดต่อกันที่ผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะ การถ่ายเลือด อิเล็กโทรไลต์ร่วมกับการให้ของเหลว การฟอกไต การใส่ท่อช่วยหายใจ และการรักษาด้วยการต่อต้านการตายของเซลล์ตับ ในที่สุด เราก็สามารถรักษาผู้ป่วยให้รอดได้สำเร็จ 3 วันต่อมา ผู้ป่วยเริ่มฟื้นตัวและถูกย้ายไปยังห้องพักในโรงพยาบาลปกติ
ข้อมูลจาก cafef