นับเป็นการค้นพบที่น่าสะพรึง เมื่อมีรายงานว่า ตำรวจเกาหลีใต้จับกุมชายวัย 58 ปี ผู้ก่อเหตุฆาตกรรม อำพรางศพแฟนสาวที่อาศัยอยู่ด้วยกัน หลังจากที่ศพของเธอเพิ่งถูกพบระหว่างงานก่อสร้างของอาคารในอีก 16 ปีต่อมา ซึ่งผลการชันสูตรบ่งชี้ว่าเธอคือบุคคลสูญหาย ก่อนจะโยงไปจนถึงตัวผู้กระทำผิดซึ่งเป็นแฟนของเธอเอง
ตามรายงานของตำรวจเมืองคอเจ และสำนักงานตำรวจจังหวัดคยองนัม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เพิ่งจับกุมชายที่ต้องสงสัยว่าก่อเหตุฆาตกรรมคนรักที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ด้วยการใช้วัตถุไม่มีคมฟาดศีรษะเหยื่อจนเสียชีวิต ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังมีปากเสียง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2551 ซึ่งเหตุเกิดขึ้นภายในห้องพักของพวกเขาในเมืองคอเจ จังหวัดคยองซังใต้ ขณะนั้นหญิงสาวผู้เสียชีวิตมีอายุ 30 กว่าปี
จากนั้นแฟนหนุ่มก็นำศพของฝ่ายหญิงใส่กระเป๋าเดินทาง นำมาซ่อนไว้นอกระเบียงกลางแจ้งข้างๆ ดาดฟ้าของอาคาร ก่อนจะนำอิฐมาวางปิดและเทปูนทับ เพื่ออำพรางศพไม่ให้ใครมาพบ ซึ่งฝ่ายชายยังคงอาศัยอยู่ที่นั่นอีก 8 ปี ก่อนจะย้ายออกไปในปี 2559
ทว่าอาชญากรรมดังกล่าวเพิ่งได้รับการเปิดเผยในปี 2567 เมื่อเจ้าของอาคารได้พบกระเป๋าเดินทางที่มีศพอยู่ภายใน ระหว่างการรื้อถอนจุดดังกล่าวเพื่อป้องกันน้ำรั่ว นำมาสู่การสืบสวนของทางตำรวจ ซึ่งผลการชันสูตรบ่งชี้ว่าผู้เสียชีวิตคือหญิงที่ถูกแจ้งเป็นบุคคลสูญหายในปี 2554
จากผลการสืบสวนพบว่า ผู้เสียชีวิตแทบไม่ค่อยได้ติดต่อกับครอบครัวของตัวเอง นั่นทำให้ไม่มีคนรู้ความเคลื่อนไหวของเธอ กว่าจะมีคนไปแจ้งเรื่องบุคคลสูญหายก็เป็นช่วงเวลาหลังจากที่เธอเสียชีวิตไปนาน 3 ปีแล้ว แต่ตอนนั้นตำรวจไม่พบหลักฐานที่น่าสงสัยใดๆ
อีกทั้งผู้ก่อเหตุก็อ้างว่าตัวเองกับผู้เสียชีวิตแยกทางกันไปแล้ว จนกระทั่งศพของเธอถูกพบและยืนยันได้ว่าเธอเสียชีวิตจากแผลถูกของแข็งฟาดที่ศีรษะ จึงมีการระบุตัวผู้ต้องสงสัย ก่อนจะตามไปจับกุมตัวเขาที่บ้านพักในเมืองยางซาน จังหวัดคยองซังใต้ ในข้อหาฆาตกรรม
ระหว่างการสอบปากคำ ในที่สุดผู้ต้องสงสัยก็รับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุดังกล่าวกับแฟนสาวจริง โดยนอกจากข้อหาฆาตกรรม เขายังจะถูกดำเนินคดีข้อหาใช้ยาเสพติดด้วย เนื่องจากตอนที่จับกุมนั้นตำรวจพบว่าเขากำลังเสพเมทแอมเฟตามีนอยู่
อย่างไรก็ตาม สำหรับห้องที่ผู้ต้องสงสัยเคยเช่าอยู่ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุและซ่อนศพนั้น ทางตำรวจเผยว่าไม่มีผู้เช่ารายอื่นเข้าพักในห้องดังกล่าวอีกเลย นับตั้งแต่ผู้ต้องสงสัยย้ายออกไป ทางเจ้าของอาคารจึงใช้พื้นที่นั้นเป็นห้องเก็บของแทน
ข้อมูลจาก The Korea Herald