กลายเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยในโลกออนไลน์ของจีน เมื่อมีรายงานว่า ชายชราวัย 70 ปีได้เดินทางไปที่ธนาคารใกล้บ้าน ก่อนจะบอกกับพนักงานว่า ต้องการถอนเงินต้นและดอกเบี้ยที่ฝากไว้นาน 25 ปีออกทั้งหมด แต่พอฟังพนักงานพูดกลับทำเขาเกือบเป็นลม
โดย พนักงานที่ให้บริการชายชราคนนี้ หลังจากที่ถามเหตุผล เพราะต้องระมัดระวังกับการที่ผู้สูงอายุถอนเงินจำนวนมาก เมื่อชายชราอธิบายว่าเขาต้องการใช้เงินสร้างบ้าน เธอจึงวางใจและดำเนินการตามขั้นตอน
ก่อนที่ชายชราจะถือสมุดเงินฝากมีเขาคิดว่ามี 2 ล้านหยวน หรือประมาณ 9.3 ล้านบาท เพราะฝากไว้นาน 25 ปี มอบให้พนักงานแล้ว ทว่าพนักงานกลับรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่าด้วยประสบการณ์หลายปีของเธอ เธอคิดว่านี่เป็นสมุดเงินฝากปลอม เพราะสีดูจางและคุณภาพกระดาษบางมาก
แต่เพื่อความแน่ใจ พนักงานคนดังกล่าวจึงป้อนข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าทั้งหมดลงในระบบเพื่อตรวจสอบ ปรากฏว่า ข้อมูลในระบบตรงกับข้อมูลในสมุดปลอมที่ชายชรามอบให้พนักงาน แต่ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเงินถูกถอนออกไปทั้งหมดเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากฝากเข้า
ด้วยความสับสน พนักงานจึงขอให้รายชรายืนยันอีกครั้ง และเขายืนยันหนักแน่นว่าเขามาที่ธนาคารถูกต้อง และพนักงานก็ทำตามขั้นตอนอย่างปกติ ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยให้สมุดเล่มนี้กับใครหรือมอบอำนาจให้ใครถอนเงินจำนวนนี้ นอกจากนี้เขายังยืนยันว่าไม่เคยได้รับการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์เมื่อมีการถอนเงินดังกล่าว
เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์นี้เกินความสามารถของเธอ พนักงานที่รับเรื่องจึงติดต่อฝ่ายบริหารของธนาคารเพื่อหาทางแก้ไข เมื่อผู้จัดการมาถึงและตรวจสอบสมุดเงินฝากที่ชายชรามอบให้ ผู้จัดการก็ยืนยันว่านี่เป็นสมุดเงินฝากปลอมเช่นกัน เมื่อรู้ว่าเรื่องราวซับซ้อนมากขึ้น ผู้จัดการจึงเชิญตำรวจท้องถิ่นเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อได้รับข้อมูลนี้ ตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนทันที
เมื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่ทำเอกสารให้ชายชรา ตัวแทนธนาคารและตำรวจพบว่าพนักงานคนนั้นได้ลาออกจากงานเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ปัจจุบันพวกเขาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับชายคนนี้เลยนอกจากชื่อของเขา
เมื่อพบว่ามีสัญญาณของความน่าสงสัย ตำรวจท้องถิ่นจึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อค้นหาที่อยู่ของชายคนนี้และส่งหมายเรียกไปยังบ้านของเขา ที่สถานีตำรวจ ผู้ต้องสงสัยแสดงท่าทีไม่ให้ความร่วมมือในตอนแรก แต่ด้วยความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชายคนนี้ก็ยอมรับทุกการกระทำของเขา
ตามคำสารภาพ หลังจากมอบใบรับฝากเงินปลอมให้ชายชราแล้ว ผู้ก่อเหตุก็ได้สมรู้ร่วมคิดกับผู้นำระดับสูงของธนาคารในการขโมยข้อมูลและโอนเงินฝากทั้งหมดไปยังบัญชีอื่นเพื่อการลงทุนส่วนตัว
เขาอ้างว่าในตอนแรกเขาตั้งใจเพียงยืมเงินชั่วคราวเพื่อทำธุรกิจ หลังจากการลงทุนที่ใหญ่ขึ้น เขาจะคืนเงิน แต่โชคไม่เข้าข้าง การลงทุนของเขาขาดทุนจึงไม่มีเงินที่จะคืนเงินให้ ในการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ ชายคนนี้จึงตัดสินใจลาออกจากงาน แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เรื่องราวกระจ่าง ศาลได้ตัดสินว่าธนาคารต้องรับผิดชอบต่อลูกค้าของตน ส่วนอดีตพนักงานชายที่ก่อเหตุต้องคืนเงินที่ขโมยไปและจ่ายค่าปรับตามกฎหมาย
ข้อมูลจาก Soha