ด.ช.วัย 12 กินได้แค่ฟาสต์ฟู้ด สุดท้ายตาบอดถาวร

01 พฤศจิกายน 2567

ด.ช.วัย 12 ป่วยเป็นโรคกลัวอาหาร กินได้แค่ฟาสต์ฟู้ด หมอบอกทำร่างกายขาดสารอาหารอย่างรุนแรง สุดท้ายตาบอดถาวร

เรื่องอาการการกินมองข้ามไม่ได้จริงๆ ยิ่งในเด็กๆ ที่ยังต้องการอาหารที่ครบทั้ง 5 หมู่ ยิ่งต้องใส่ใจ ไม่เช่นนั้นอาจจะเจอเข้าเช่นเดียวกับกรณีนี้ ที่เด็กชายชาวอเมริกันวัย 12 ปี ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ที่กินได้แค่ฟาสต์ฟู้ด โดนัท และน้ำผลไม้เป็นเวลานาน ล่าสุด เด็กชายไม่สามารถมองเห็นทั้งสองข้างแล้ว และอาจตาบอดถาวร

 

ด.ช.วัย 12 กินได้แค่ฟาสต์ฟู้ด สุดท้ายตาบอดถาวร

เคสนี้ได้ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า เด็กชายคนดังกล่าว ซึ่งมีอาการออทิสติกและกลัวอาหารบางประเภทอย่างมาก จึงรับประทานเพียงฟาสต์ฟู้ด ซึ่งเด็กเริ่มมีปัญหาด้านการมองเห็นในช่วงต้นปีนี้ เขารู้สึกว่าการมองเห็นเริ่มมืดลงในช่วงเช้าและเย็น โดยจะดีขึ้นเพียงเล็กน้อยในตอนกลาง

 


และภายใน 6 สัปดาห์ เขาเริ่มไม่สามารถเดินได้โดยไม่มีคนช่วย เขาชนประตูหรือกำแพงบ่อยครั้ง จนกระทั่งคืนหนึ่ง เขาตื่นขึ้นมาและรู้ว่าเขามองไม่เห็นแล้ว ครอบครัวจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ด้าน แพทย์พบว่านิสัยการกินของเด็กชายทำให้เขาขาดสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อสุขภาพของเส้นประสาทตา เช่น วิตามินเอ ซี ดี ทองแดง สังกะสี โดยเฉพาะวิตามินเอซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพของจอประสาทตา
 

ด.ช.วัย 12 กินได้แค่ฟาสต์ฟู้ด สุดท้ายตาบอดถาวร

 

เด็กที่มีอาการออทิสติกมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคการรับประทานอาหารแบบหลีกเลี่ยงหรือจำกัด (ARFID) ทำให้กลัวสี รสชาติ เนื้อสัมผัส หรือกลิ่นของอาหาร ซึ่งจำกัดประเภทของอาหารที่กินได้ พ่อแม่ของเด็กอธิบายว่าเขาเป็น “เด็กกินยาก” ที่ต่อต้านการลองอาหารใหม่หรือการรับประทานวิตามินเสริมอย่างมาก

 


อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับการบำบัดด้านอาหารและวิตามินเสริม แต่น่าเสียดายที่เส้นประสาทตาของเด็กชายเกิดการฝ่ออย่างรุนแรง แพทย์ระบุว่า หากตรวจพบปัญหาและได้รับสารอาหารเสริมที่เหมาะสมตั้งแต่แรก อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรง เช่น การสูญเสียการมองเห็นได้ แต่เนื่องจากพบปัญหาช้าเกินไป ทำให้การมองเห็นของเด็กไม่สามารถฟื้นฟูได้อีก

ด.ช.วัย 12 กินได้แค่ฟาสต์ฟู้ด สุดท้ายตาบอดถาวร

ข้อมูลจาก ETTODAY