อดีตดาราดัง รับไม่ได้ โดนครูใหญ่ที่รร.ลูกเหยียดหยาม หลังเห็นการแต่งตัว

กำลังเป็นที่วิพากษณ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ของฮ่องกงตอนนี้ หลังจากที่ "โซอี้ แชม" อดีตนักแสดงชื่อดังในวงการบันเทิงฮ่องกง ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ที่เธอถูก "ครูใหญ่" ดูถูกเพราะเธอใส่ชุดธรรมดาไปส่งลูกที่โรงเรียน 
 

"โซอี้ แชม" ที่ปัจจุบันอายุ 37 ปี ได้แต่งงานกับนักธุรกิจชาวมาเลเซียผู้มั่งคั่ง ก่อนจะให้กำเนิดลูกชายที่น่ารัก 2 คนซึ่งตอนนี้อายุ 9 ขวบ และ 5 ขวบ และเธอมักจะลงภาพครอบครัวอบอุ่นในช่องทางโซเชียลส่วนตัวอยู่เสมอๆ 

ทว่าในคลิปล่าสุด เธอออกมาพูดด้วยความไม่พอใจในตัวของ ครูใหญ่ของโรงเรียนลูก เนื่องจากวันดังกล่าวเธอสวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขายาวสีเข้ม แต่งตัวสบายๆ ตามปกติ และไม่ได้แต่งหน้าเลย ขับรถไปส่งลูกชายที่โรงเรียน 

โดยไม่คิดว่าจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ช่วยแม่บ้านชาวต่างชาติ ถูกผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งตะโกนห้ามอย่างหยาบคายในสถานศึกษา เธอคิดว่าคิดว่าทัศนคติของอีกฝ่ายแย่มากจึงถามกลับไปว่า "คุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่คะ?"
 

เมื่อหันมาหาและอีกฝ่ายได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน หญิงผมสั้นก็เหมือนจะตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าตนเองเข้าใจผิดไป จึงเปลี่ยนท่าทีและคำเรียกใหม่เป็น "คุณแม่"

ยิ่งเห็นพฤติกรรมเช่นนั้นเธอจึงต้องสอบถามตรงๆ เป็นครั้งสุดท้ายว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่ ก่อนได้รู้ว่าคือ "ครูใหญ่" ของโรงเรียนที่ลูกของเธอศึกษาอยู่

ดาราสาวยังพูดอย่างเคืองๆ ในวิดีโอว่า เธอส่งลูกชายไปสัมภาษณ์ที่โรงเรียนแห่งนี้ แล้วนี่คือคุณสมบัติของครูใหญ่เหรอ ในฐานะครูใหญ่ คุณควรมีคุณสมบัติที่ดีและมีทัศนคติที่สุภาพต่อผู้อื่นมากกว่านี้

"ฉันไม่เคยปฏิบัติกับสาวใช้ของฉันแบบนั้นเลย เป็นการดูหมิ่นจริงๆ ไม่เข้าใจว่าเธอเป็นอาจารย์ใหญ่ได้ยังไง" เธอแสดงความไม่พอใจและผิดหวังอย่างมากกับทัศนคติของอาจารย์ใหญ่ ซึ่งทำให้เธอต้องพิจารณาว่าควรย้ายเธอไปเรียนที่อื่นหรือไม่

หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกมา เธอได้รับข้อความมายกมายถามถึงตัวตนของครูใหญ่และชื่อโรงเรียน เธอยังคงยืนยันว่า เธอขอไม่เอ่ยชื่อเพราะเธอไม่อยากให้กระทบจิตใจนักเรียนคนอื่น แต่อยากบอกว่าเป็นโรงเรียนชื่อดังมาก 

พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ปกครองระมัดระวังในการเลือกโรงเรียนสำหรับบุตรหลานให้มากขึ้น "ฉันหวังว่าทุกคนจะศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนก่อนที่จะลงทะเบียน ตัวฉันเพิ่งทำตามคำแนะนำของเพื่อน แต่ต้องเปิดเผยว่าค่าเล่าเรียนของโรงเรียนนี้มีราคาแพงมาก"

ข้อมูลจาก phunuphapluat , etnet และ std.stheadline