เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีรายงานว่า เครื่องบินลำหนึ่งของสายการบิน TAP Air Portugal มีเหตุต้องติดอยู่บนรันเวย์ของสนามบินในเมืองปงตาแดลกาดา เมืองหลวงของหมู่เกาะอะโซร์ส ประเทศโปรตุเกส เป็นเวลานานร่วม 5 วัน หลังเกิดเหตุ หนูแฮมสเตอร์ 132 ตัว หนีออกจากกรงและวิ่งวุ่นไปทุกซอกทุกมุมบนเครื่องบินแอร์บัส 320 จนเกิดความหวั่นเกรงว่าหนูจะกัดแทะสายไฟ
โดยหนังสือพิมพ์ดังของโปรตุเกสอย่าง Correio da Manga ระบุว่า เหตุความโกลาหลนี้เริ่มขึ้นเมื่อพนักงานขนสัมภาระที่สนามบินค้นพบกรงสัตว์ที่ได้รับความเสียหาย ถูกหนูกัดทะลุ ขณะที่แฮมสเตอร์ 132 ตัวได้หนีออกจากกรงมาเดินเพ่นพ่านทั่วห้องเก็บสัมภาระ ทำให้พนักงานซ่อมบำรุงต้องรีบเข้ามาช่วยกันไล่จับหนูเหล่านี้ก่อนที่พวกมันจะกัดสายไฟบนเครื่องบิน หรือทำให้ชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ บนเครื่องได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ปฏิบัติการจับหนูเริ่มต้นขึ้นทันทีหลังจากที่ผู้โดยสารลงจากเครื่องบิน และขนย้ายสัมภาระออกมาจนหมดแล้ว ทว่าแม้พนักงานซ่อมบำรุงจะใช้เวลานานหลายวันในการไล่จับหนู แต่ก็ยังเหลืออีก 16 ตัวที่หาไม่พบ จนในที่สุดหลังความพยายามค้นหาหนูครั้งสุดท้าย เครื่องบินลำนี้ก็สามารถเดินทางกลับไปยังสนามบินในกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ได้
สำหรับหนูแฮมสเตอร์เหล่านี้ พบว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสัตว์ที่ถูกขนย้ายเพื่อนำไปส่งร้านขายสัตว์เลี้ยงบนเกาะ โดยกรงสัตว์ควรจะถูกนำขึ้นเครื่องบินในเที่ยวบินก่อนหน้านี้ แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่อง เนื่องจากสภาพกรงไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ยอมรับได้ ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินลำที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะตามจับหนู เจ้าหน้าที่ต้องสวมถุงมือป้องกันไว้ขณะจับหนูออกมาจากที่ซ่อนในจุดต่างๆ เพื่อป้องกันฟันอันแหลมคมของพวกน้องที่อาจกัดมือได้ ขณะที่ทางด้าน TAP Air Portugal ยังคงไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อกรณีที่เกิดขึ้น
ข้อมูลจาก Daily Mail และ New York Post