เรียกว่าเรื่องสยองใกล้ตัวเลยก็ว่าได้ หลังจากที่มีรายงานเคสของ หญิงชาวไต้หวันรายหนึ่งมีอาการตาแดง ตาอักเสบ คันตา และมีน้ำตาไหลร่วมกับตาแห้งอย่างต่อเนื่อง จนรู้สึกกังวลและไปพบแพทย์ที่คลินิกโรคตา ซึ่ง ดร.หวัง เมิ่งฉี ตรวจพบคราบสกปรกสีเหลืองติดอยู่บนเปลือกตาของเธอ
หลังจากที่คุณหมอ เก็บตัวอย่างด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่าโคนขนตาเพียงเส้นเดียวมีแมลงจำนวนถึง "11 ตัว" กำลังไต่อยู่ แถมยังมีตัวอ่อนเกาะอยู่ใกล้ๆ ราวกับพาครอบครัวมาอาศัยอยู่ ภาพที่เห็นชวนขนลุกสุดๆ
ด้าน ดร.หวัง เมิ่งฉี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคตาและผู้อำนวยการคลินิก ได้โพสต์เรื่องดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า แมลงที่พบบริเวณโคนขนตาของหญิงรายนี้คือ ไรขนตา (Demodex) ซึ่งเมื่อสอบถามเพิ่มเติม พบว่าผู้ป่วยมีความเชื่อว่า "ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรเอามือไปยุ่งกับดวงตา"
เธอจึงหลีกเลี่ยงการล้างหน้าและไม่เคยทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตาเลย ส่งผลให้เปลือกตากลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของไรขนตาอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งหลังจากผ่านการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกและการรักษา รวมถึงใช้แผ่นเช็ดทำความสะอาดรอบดวงตาเป็นประจำทุกวัน สถานการณ์ที่น่ากลัวนี้ก็ได้รับการรักษาจนดีขึ้น
ทั้งนี้ดร.หวัง เมิ่งฉี ได้ใช้โอกาสนี้แนะนำเพิ่มเติมว่า ในขณะล้างหน้าอย่าลืมเช็ดทำความสะอาดขอบเปลือกตา เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและคราบไขมันที่สะสมบริเวณโคนขนตา โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมแต่งหน้าหรือทำการต่อขนตายิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ "การทำความสะอาดรอบดวงตาก็เหมือนการแปรงฟัน ควรทำเป็นกิจวัตรสุขอนามัยทุกวัน"
อีกทั้ง ดร.หวัง เมิ่งฉี ยังอธิบายเสริมว่า ควรล้างเครื่องสำอางให้สะอาดทุกวัน และหลีกเลี่ยงการนอนทั้งที่ยังแต่งหน้า นอกจากนี้ ขณะแต่งหน้าควรหลีกเลี่ยงการเขียนอายไลเนอร์ด้านในหรือบริเวณขอบเปลือกตา รวมถึงไม่ควรใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่น และควรเปลี่ยนเครื่องสำอางเป็นประจำ หากสังเกตเห็นว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ตาแดง คัน แห้ง หรือมีขี้ตาเพิ่มขึ้น ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว
ขณะที่ ดร.โอ ชูจวน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ เคยแชร์ผ่านโซเชียลว่า เด็กบางคนที่รักษาแล้วแต่ยังมีอาการตากุ้งยิงซ้ำ อาจเกิดจาก "ไรขนตา" หรือ Demodex ซึ่งเป็นปรสิตที่ชอบกินน้ำมันและสามารถพบได้ทั่วไปบนผิวหน้า แม้หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่ามีอยู่
อย่างไรก็ตาม คุณหมอยังอธิบายว่า เนื่องจากเด็กมีการผลิตน้ำมันบนใบหน้าค่อนข้างน้อย ปรสิตจึงมักจะย้ายไปที่บริเวณดวงตาเพื่อหาอาหาร เพราะมีต่อมไขมันที่เปลือกตา ซึ่งอาจทำให้เกิดการเกิดกุ้งยิงซ้ำๆ เธอแนะนำว่า หากเด็กมีอาการไม่สบาย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแทนที่จะรักษาด้วยตนเอง
ข้อมูลจาก ETtoday